WHART จ่อเพิ่มทุนซื้อคลังสินค้า 4 โครงการ มูลค่า 4.4 พันล้าน

กองทรัสต์ WHART ยื่นไฟลิ่งเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ลงทุนทรัพย์สินเพิ่ม 4 โครงการ มูลค่ารวมไม่เกิน 4,464.50 ล้านบาท ขยายอาณาจักรลงทุนในทำเลทองด้านโลจิสติกส์ ชูโครงการส่วนใหญ่ เป็น BUILT-TO-SUIT WAREHOUSE มาตรฐานระดับสากล ปัจจุบันมีผู้เช่าระยะยาว หลังเพิ่มทุนขนาดพื้นที่คลัง/โรงงานให้เช่าแตะ 1.1 ล้าน ตร.ม. มูลค่าสินทรัพย์แตะระดับ 3.2 หมื่นล้านบาท

นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพิ่มทุนครั้งที่ 3 เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติม มูลค่าไม่เกิน 4,464.50 ล้านบาท ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะได้รับการพิจารณาในเร็วๆ นี้

สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ของ WHART เป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“WHA”) จำนวน 2 โครงการ โครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม Central จำนวน 1 โครงการ และโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม KPN อีก 1 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย 1) โครงการ WHA Mega Logistics Center (พระราม 2 กม. 35) มีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 14,084 ตารางเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ดินที่เช่าประมาณ 17 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา 2.) โครงการ Central WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 63) พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 86,223.61 ตารางเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ดินรวมประมาณ 96 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา 3.) โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23) พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 39,607 ตารางเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ดินที่เช่าประมาณ 43 ไร่ 3 งาน และ 4.) โครงการ DSG HSIL จังหวัดสระบุรี พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 16,620 ตารางเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ดินรวมประมาณ 15 ไร่ เมื่อรวมทั้ง 4 โครงการ จะมีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 156,534.61 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172 ไร่ 1 งาน 94 ตารางวา

ภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งนี้ จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของ กองทรัสต์ WHART เติบโตแตะระดับ 32,800 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 28,192 ล้านบาท ในขณะที่ขนาดพื้นที่เช่าคลัง/โรงงาน จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,128,000 ตารางเมตร จากเดิม 971,000 ตารางเมตร

ผู้จัดการกองทรัสต์ WHART กล่าวเพิ่มเติมถึงความโดดเด่นของทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของโครงการที่กองทรัสต์ WHART จะเข้าลงทุนประมาณ 86% เป็นโครงการ WAREHOUSE ในรูปแบบ BUIT-TO-SUIT ซึ่งพัฒนาขึ้นตามมาตรฐานระดับสากล ตอบโจทย์ผู้เช่าศักยภาพ โดยปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว ทั้งผู้ประกอบการชั้นนำในไทยและต่างประเทศ อาทิเช่น บริษัทในเครือ Central และ DSG เป็นต้น โดยอายุสัญญาเช่าและบริการเฉลี่ยของทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ 7.5 ปี ทำให้ระยะเวลาคงเหลือของสัญญาเช่าเฉลี่ยของกองทรัสต์ภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มสูงขึ้น สนับสนุนการเติบโตของรายได้ให้กับกองทรัสต์ WHART ในระยะยาว

ขณะเดียวกันทำเลที่ตั้งของ WAREHOUSE ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนยังเป็นแหล่งยุทธ์ศาสตร์ทำเลทองสำหรับการลงทุนด้านโลจิสติกส์ เช่น โซนบางนา-ตราด พร้อมทั้งมีการขยายการลงทุนไปยังทำเลแห่งใหม่ 1 โครงการเพื่อขยายการเติบโตและลดการกระจุกตัวของรายได้ของกองทรัสต์ ในบริเวณพระราม 2 กม. 35 จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นคลังสินค้าประเภทห้องเย็น

ดังนั้นการเพิ่มทุนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างมีเสถียรภาพ พร้อมรับศักยภาพในการการเติบโตของค่าเช่า อีกทั้งกองทรัสต์ WHART ยังสามารถรักษาสัดส่วนทรัพย์สินประเภท Freehold ต่อ Leasehold ในระดับใกล้เคียงเดิมประมาณ 70% ต่อ 30% ช่วยลดความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของทรัพย์สินของกองทรัสต์ในอนาคต และสามารถรักษาระดับ Occupancy rate ได้ประมาณร้อยละ 90 อย่างต่อเนื่อง ด้วย profile ของผู้เช่าพื้นที่ของกองทรัสต์ ซึ่งส่วนมากเป็นผู้เช่ารายใหญ่และมีความมั่นคง