GPSC ล้มเทนเดอร์ซื้อ GLOW ศึกษาแนวทางอื่น

GPSC เผยมติกกพ.ห้ามซื้อหุ้น GLOW เข้าข่ายลดการแข่งขัน ประกาศยกเลิกเสนอซื้อหุ้นจนกว่าเงื่อนไขบังคับสำเร็จ รับอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางและหารือผู้ขาย

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ผลมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไม่เห็นชอบด้วยกับคำขออนุญาตของบริษัทฯ เพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW) ทำให้เงื่อนไขบังคับก่อนภายใต้สัญญาซื้อขาหุ้นระหว่างบริษัทฯ และ Engie Global Development B.V. ผู้ขายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GLOW ไม่อาจสำเร็จลงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการดำเนินการต่อไป ดังนั้นจะไม่มีการซื้อหุ้นและทำคำเสนอซื้อหุ้น GLOW จนกว่าเงื่อนไขบังคับก่อนดังกล่าวจะสำเร็จเสร็จสิ้นลง

บริษัทฯ จะหารือกับผู้ขายเกี่ยวกับการดำเนินการต่อไปและหากมีความคืบหน้าเป็นประการใดในสารสำคัญจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป

ก่อนหน้านี้เมื่อ 20 มิ.ย.2561 GPSC ได้แจังมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ GLOW และเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2561 แจ้งมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561

ด้านน.ส.นฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมกกพ.มีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่อนุมัติคำขอเพื่อรวมกิจการ โดยการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ GPSC ใน GLOW เนื่องจาก การดำเนินการดังกล่าวส่งผลต่อการลดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 รวมทั้งการพิจารณาของ กกพ. ยังเป็นการพิจารณาที่ตระหนักถึง การสร้างบรรทัดฐานในการพิจารณาในระยะยาวด้วย

“กกพ.มีมติเป็นเอกฉันท์ และไม่อนุญาตให้ จีพีเอสซีในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้รับอนุญาต ซึ่งก่อนหน้าได้ยื่นขออนุญาตต่อ กกพ. เพื่อขอเข้ารวมกิจการกับ โกลว์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารับอนุญาตภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ หลังจาก กกพ. พิจารณาแล้วพบว่า การรวมกิจการดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่อุตสาหกรรมในบางพื้นที่ จะมีบริษัทที่มีอำนาจการบริหารกิจการไฟฟ้าลดลงเหลือเพียงรายเดียว จึงเป็นการลดการแข่งขัน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่การให้บริการไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ก็ตาม และ กกพ.เชื่อมั่นว่า มติที่เกิดขึ้นจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีและถูกต้องในระยะยาวด้วย ” น.ส.นฤภัทร กล่าว

กกพ. ยังมีการพิจารณาในประเด็นของ บางพื้นที่อุตสาหกรรมดังกล่าว ซึ่งผู้รับบริการอาจมีทางเลือกในการรับบริการจากผู้ประกอบการรายอื่น ได้แก่ กฟภ. และอาจจะทำให้ลดการแข่งขัน ก็พบว่า การให้บริการของ กฟภ. ก็ไม่สามารถทดแทนการให้บริการของลูกค้ากลุ่ม โกลว์ ได้ เนื่องจากเหตุผลทางคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ต้องการความมีเสถียรภาพ รวมทั้ง กฟภ. ยังต้องจำหน่ายไฟฟ้าในราคาเดียวกันทั่วประเทศ (Uniform Tariff) ทำให้ไม่สามารถให้อัตราส่วนลดกับผู้รับบริการได้ ส่งผลให้เกิดการลดการแข่งขันดังกล่าว

ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 60 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้ กกพ. มีอำนาจในการออกระเบียบ กำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อมิให้มีการกระทำการใดใด อันเป็นการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน และกรณีของ จีพีเอสซี ซึ่งเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของโกลว์ จึงเป็นการรวมกิจการ เข้าเงื่อนไขของการที่ผู้รับใบอนุญาตรายหนึ่งเข้าครอบงำผู้รับอนุญาตอีกรายหนึ่งซึ่งไม่สามารถทำได้ เว้นแต่จะขออนุญาตต่อ กกพ. เพื่อให้พิจารณาเหตุผล และความจำเป็นที่เพียงพอ หรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือผู้ใช้พลังงาน

กกพ. เชื่อมั่นว่า การพิจารณาและมีมติดังกล่าว ได้ยึดมั่นในการส่งเสริมและสนับสนุน แนวทางการค้าเสรี อย่างเป็นธรรม สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการลงทุนทั้งภายในประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศ หลังจาก ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มองค์กรธุรกิจ นักธุรกิจ ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งนักการเมือง และผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการรวมกิจการดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือต่อ กกพ. เพื่อให้พิจารณาในประเด็นการผูกขาดธุรกิจ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ได้รับบริการพลังงาน เพื่อให้ทบทวนและพิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กกพ. จะได้แจ้งคำสั่งไม่อนุญาตไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์ตามระเบียบ และจัดทำกรอบหลักการในการพิจารณาเรื่องรวมกิจการตามแนวทางข้างต้น เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตือนผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลเรื่องเงื่อนไขบังคับก่อนภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัท GPSC และ Engie Global Development B.V. ในการซื้อหุ้น GLOW

สำหรับราคาหุ้น GLOW ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 82.00 บาท ลดลง 5.50 บาท หรือ -6.29% มูลค่าการซื้อขาย 993 ล้านบาท ส่วน  GPSC ปิดที่ 67.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.1% มูลค่าการซื้อขาย 336 ล้านบาท