คลุกวงในหุ้น : ฝรั่งทุบสถิติถล่มหุ้น

โดย..สุนันท์ ศรีจันทรา

ตัวเลขการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในปีนี้น่ากลัวมาก ยอดขายสุทธิสะสมจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นสถิติใหม่ โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 252,353.74 ล้านบาท และเป็นการขายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกันปีต่อปี

สาเหตุหลักของการที่ต่างชาติเทขายมีอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ คือ แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐที่กลับสู่ช่วงขาขึ้น เงินทุนจึงไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ กลับไปสหรัฐและผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน นอกจากนั้นอาจมีความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองของไทย จนต้องลดน้ำหนักการลงทุน

แรงขายของต่างชาติเริ่มทะลักช่วงต้นๆ ปี แต่เป็นการขายต่อเนื่อง อาจกลับมาซื้อบ้างในช่วงสั้นๆ แต่แล้วก็หันมากระหน่ำขายต่อ จนดัชนีฯ แทบไม่มีโอกาสกระเตื้องขึ้น

ประมาณ 7 เดือนแล้วที่ตลาดหุ้นตกอยู่ในความผันผวน ทำท่าจะฟื้น แต่ปรับตัวขึ้นไม่ได้ไกล เพราะต้านแรงขายของต่างชาติไม่ไหว แม้กองทุนและนักลงทุนรายย่อย จะพยายามช่วยกันรับแรงขายของต่างชาติ โดยซื้อหุ้นมาตลอดทาง จนยอดซื้อสุทธิสะสมของกองทุนและนักลงทุนรายย่อยพุ่งกลุ่มละกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ตลาดหุ้นดีขึ้น

เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือนเศษ จะปิดฉากตลาดหุ้นปี 2561 แต่ไม่มีสัญญาณว่า ต่างชาติจะหยุดขาย และไม่อาจคาดหวังการไหลกลับของเงินทุน โดยประเมินกันว่า ต่างชาติจะทยอยระบายหุ้นต่อไป จะหยุดขายเมื่อไหร่ไม่รู้

ดังนั้นตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ จึงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการลดน้ำหนักการลงทุนของต่างชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ไม่ได้หยิบยกไปพูดถึงนัก

ทั้งที่หุ้นที่ทรุดตัวในปีนี้ เกิดจากฝรั่งทุบขายเป็นปัจจัยหลักที่เป็นรูปธรรม จนสามารถหยิบตัวเลขมาอ้างอิงได้

โอกาสที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ จะปีนขึ้นไปแตะระดับ 1,800 จุด เป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงกันปีหน้าเสียแล้ว เพราะปีนี้แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่เพียงแต่ข่าวร้ายทั้งภายนอกและภายในยังโหมกระหน่ำเป็นระลอกแล้ว ต่างชาติยังพร้อมถล่มซ้ำเติม

ข่าวดีที่จะกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายมองไม่เห็น

ส่วนนักลงทุนรายย่อยก็ช้อนเก็บหุ้นไปเยอะ หุ้นต้นสูงค้างอยู่เต็มพอร์ต เงินสดในมือเหลือน้อยแล้ว กำลังซื้อของรายย่อยคงถดถอยลง เช่นเดียวกับกองทุนที่เงินสดร่อยหรอ ต้องรอเงินก้อนใหม่ที่จะไหลเข้ามาในช่วงปลายปี จากกองทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ

มูลค่าการซื้อขายหุ้นระยะนี้เบาบางลง ซื้อขายระดับ 3-4 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้าที่เคยเคาะซื้อขายกันกันไม่ต่ำกว่าวันละ 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนชะลอการตัดสินใจ และยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆตลาดหุ้น

แรงซื้อที่อ่อนล้า ขณะที่ต่างชาติยังปักหลักขายอย่างคงเส้นคงวา มีผลทำให้ดัชนีฯ ทรุดลงแรงได้ เพราะเมื่อฝรั่งขาย จะไม่มีแรงซื้อเข้าไปต้าน ซึ่งดัชนีฯ ที่รูดกว่า 10 จุดวันที่ 18 ต.ค. เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบในการขายของต่างชาติ ซึ่งอาจดำเนินอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งส่งท้ายปีนี้

ดังนั้นโค้งสุดท้ายตลาดหุ้นปี’61 บรรยากาศการลงทุนคงไม่สดใสนัก หรืออาจไม่ได้ฟื้น ถ้าต่างชาติขายไม่เลิก นักลงทุนรายย่อย จึงควรสงวนอาวุธ กอดเงินไว้เพื่อรอโอกาสเหมาะๆ และอาจจะต้องรอถึงปีหน้า

เพราะปีนี้โอกาสการทำกำไรอาจไม่คุ้มที่จะเสี่ยงกับการถูกฝรั่งทุบ

ถอยออกจากตลาดหุ้น มาลุ้นกันดีกว่าว่า ถึงสิ้นปีต่างชาติจะถล่มหุ้นไทยทะลุ 300,000 ล้านบาทหรือไม่