TIGER ฮึด! ปิดวันแรกเหนือจอง 0.82% สวนดัชนีดิ่ง 35 จุด

หุ้น TIGER ฝ่าตลาดร่วงหนัก ปิดวันแรกเหนือจอง 0.82% จากราคาไอพีโอหุ้นละ 3.65 บาท จากเปิดตลาดพุ่ง 5.21% ผู้บริหารมั่นใจฐานทุนแข็งแกร่ง พร้อมประมูลงานหนุนผลงานปี 62 เติบโตก้าวกระโดด

หุ้นบริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดเอ็มเอไอ ปิดเหนือจองที่ราคา 3.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 0.82% จากราคาเสนอขายครั้งแรก (IPO) ราคาหุ้นละ 3.65 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายวันแรก 387.66 ล้านบาท จากเปิดตลาดที่ 3.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.19 บาท หรือ 5.21% สวนภาวะตลาดที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่า 35 จุด หรือลดลง 2.12% จากความกังวลปัญหาสงครามการค้า ราคาน้ำมัน และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และซาอุดิอาระเบีย ส่งผลให้ระหว่างวันลงต่ำสุด 3.50 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 2 รอบ


นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC ) เปิดเผยว่า หุ้น TIGER เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกในวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น เปิดสูงกว่าราคาจองอย่างน่าประทับใจ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่ง และอนาคตบริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมยื่นประมูลงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากโอกาสในการรับงานใหม่ที่มีมูลค่าโครงการที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่มีข้อจำกัด ในเรื่องของเงินลงทุน

“สาเหตุที่ทำให้นักลงทุนให้การต้อนรับหุ้นน้องใหม่ TIGER อย่างอบอุ่นขนาดนี้ อาจเพราะมองเห็นถึงความโดดเด่นของบริษัทฯ ที่น่าสนใจอยู่หลายประเด็นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพในการทำกำไรซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูงมาก 16-18% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน และที่สำคัญคือตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มี่รายได้เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 30% อีกด้วย นอกจากนี้เรายังมีไม้เด็ดที่ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำงานที่สำคัญคือการเอาเทคโนโลยี ERP มาใช้บริหารเรื่องต้นุทนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและการรับงานจนกระทั่งส่งมอบส่วนใหญ่จะมีอายุงานราว 12-18 เดือน ทำให้รับรู้รายได้ ได้เร็วและสามารถหมุนรอบทำงานได้มากขึ้นด้วย”นายจตุรงค์ กล่าว

อีกประเด็นที่สำคัญคือเมื่อได้รับเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้แล้วจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีฐานทุนใหญ่ขึ้นควบคู่กับศักยภาพในการรับงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และที่สำคัญคือทำให้ชื่อเสียงของ “บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง” เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทย่อยของ TIGER พร้อมเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างและออกแบบของภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มปริมาณในมือรองรับรู้รายได้ (Backlog) จากปัจจุบันอยู่ที่ 600 กว่าล้านบาท และมีโอกาสรับงานใหม่เข้ามาอีกในเร็วๆนี้ ทำให้งานในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ เติบโตต่อเนื่อง และมั่นใจว่าในปี 2562 แนวโน้มผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการเข้าร่วมประมูลงานใหม่ ที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นทั้งภาครัฐและเอกชน

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TIGER) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงเมื่อเทียบกับราคาจองท่ามกลางสภาวะตลาดที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ TIGER ที่อนาคตในช่วง3-5 ปีข้างหน้า ผลการดำเนินงานคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้มีศักยภาพในการเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐ เอกชนที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น

“TIGER คือหุ้นรับเหมาฯไซส์เล็ก มีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ High Growth High Margin สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี และผมมั่นใจว่าจะกลายเป็นหุ้นขวัญใจตัวใหม่ของนักลงทุนได้ไม่ยาก ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง อาทิ ความตั้งใจมุ่งมั่นต่อการทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จของทีมงานทุกคน ความมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร เมื่อผนวกกับความพร้อมขององค์กรที่มีเงินทุนเข้ามา ควบคู่ไปกับชื่อเสียงในฐานะบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงมั่นใจว่า TIGERคือหุ้นน้ำดีของตลาดหุ้นไทยแน่นอน”นายรัฐชัย กล่าว