ผ่าพอร์ตหุ้น “คิง เพาเวอร์” ถือ WP-AAV-GULF

ครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” เจ้าของอาณาจักรร้านค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรี “คิง เพาเวอร์” ไม่ได้ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เป็นเพียงการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน รวมถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับกลุ่มบริษัทในตลาดหุ้น และบุคคลนอกวงการธุรกิจเท่านั้น อาทิ กลุ่มวิไลลักษณ์ และนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดึงดูดให้ “กลุ่มศรีวัฒนประภา” เข้ามาลงทุนในหุ้นหลายตัว

แต่หุ้นที่มีการลงทุนในจำนวนที่มีนัยสำคัญ มีเพียงไม่กี่บริษัท อาทิ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ซึ่งนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงได้เข้าไปซื้อกิจการบริษัทที่มีปัญหา และใช้เวลานานหลายปีในการฟื้นฟูกิจการ เมื่อบริษัทกลับเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง ปรากฎชื่อนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายคนเล็กของ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง จำนวน 96,612,804 หุ้น คิดเป็น 18.63% ของทุนเรียกชำระแล้ว

นอกจากนี้นายอัยยวัฒน์ ยังถือหุ้น บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) อันดับที่ 5 จำนวน 130 ล้านหุ้น หรือ 2.68%

หุ้น AAV ที่นายอัยยวัฒน์ ถืออยู่จำนวน 130 ล้านหุ้น เป็นหุ้นที่ได้มาจากดีลที่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดหุ้น เมื่อปี 2559 นายวิชัย ศรีวัฒนประภา นำทีมลูกชาย 2 คนและลูกสาว 2 คนเข้ามาซื้อกิจการ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ต่อจากนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ เกือบ 40% ในราคาหุ้นละ 4.20 ล้านบาท มูลค่าเกือบ 8,000 ล้านบาท และในปี 2560 นายวิชัยและลูกสาว 2 คนได้ขายหุ้นทั้งหมดคืนนายธรรศพลฐ์ รวม 24% ส่วนนายอัยยวัฒน์ ได้ขายบางส่วน คงเหลือจำนวน 130 ล้านหุ้น หรือ 2.68% และนายอภิเชษฐ์ เหลือจำนวน 39.7 ล้านหุ้นหรือ 0.82% โดยนายธรรศพลฐ์ได้ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 8,279 ล้านบาท เพื่อถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 41.32% ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันนายอัยยวัฒน์ มีการถือหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ใหญ่อันดับที่ 12 จำนวน 15,567,000 หุ้น สัดส่วน 0.73% ด้วย

ส่วนหุ้นอื่นๆ ที่เคยมีชื่อของสมาชิกศรีวัฒนประภา ถือหุ้นจำนวนมาก อาทิ บริษัท อาร์เอส (RS) บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) บริษัท สามารถเทลคอม (SAMTEL) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ปัจจุบันเหลือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อย หรือบางบริษัทไม่มีการถือแต่อย่างใด โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT)นายอัยยวัฒน์เคยถือ จำนวน 11.46 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.80% และน.ส.วรมาศ ศรีวัฒนประภา (ลูกสาว) ถือ 9,059,600 หุ้นหรือ 0.63% นั้นปัจจุบันไม่ปรากฎว่าถือหุ้นอยู่แต่อย่างใด

“เมื่อประมาณเดือน ก.ค. 2558 กลุ่มคิงเพาเวอร์ ได้ซื้อหุ้น RS ล็อตใหญ่จาก นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 79 ล้านหุ้น และนายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ รวม 94 ล้านหุ้น สัดส่วน 9% มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท เพื่อต้องการรับผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้น และในวันที่ 5 ต.ค. 2558 นายอัยยวัฒน์ ได้รายงานก.ล.ต.เรื่องการขายหุ้น RS จำนวน 4.36% คงเหลือเพียง 0.99%”

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งอย่างรุนแรง แต่นักลงทุนจะต้องจับตาว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะสร้างแรงกระเพื่อมถึงการเติบโตของธุรกิจบางกลุ่มอย่างใดบ้าง เพราะต้องยอมรับว่าโครงการที่ชนะการประมูลมาหลายครั้ง ที่ผ่านมา ได้มาจากคอนเน็คชั่น !!!