วันนี้!เจ้าหนี้ชี้ชะตาEARTH ยันจ่ายคืนครบ1.5 แสนล้าน

‘เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ’นัดเจ้าหนี้ 2,352 ราย โหวตแผนฟื้นฟู ยอดหนี้ 148,474 ล้านบาท ยันจ่ายครบ 100% เสนอ 4 วิธีสะส่าง ขอเวลา 18 ปี ทยอยจ่าย 4 แบงก์ ขายสัมปทานเหมืองอินโดฯ มูลค่า 28,506 ล้านบาท “กรุงไทย”เผยตั้งสำรองครบ ยอมรับหลักประกันลดตามราคาหุ้น

วันจันทร์ที่ 30 เม.ย.2561 บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ต้องลุ้นว่าการประชุมเจ้าหนี้ จำนวน 2,352 ราย จะลงมติโหวตรับแผนฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย หรือไม่ โดยบริษัทฯมีหนี้ทั้งสิ้นประมาณ 148,474 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นประมาณ 23,196 ล้านบาทและภาระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องประมาณ 125,278 ล้านบาท โดยมีบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส เป็นผู้ทำแผน

บริษัทฯได้จัดส่งหนังสือแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 ให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงแนวทางการแก้ปัญหา เช่น กรณีเจ้าหนี้สถาบันการเงินทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน จำนวน 4 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย(KTB) ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยมีภาระเงินต้นทั้งหมด 13,959 ล้านบาท และภาระดอกเบี้ย จำนวน 361ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 14,321 ล้านบาท , เจ้าหนี้เงินกู้ที่ไม่ช่สถาบันการเงินจำนวน 2,175 ราย หนี้เงินต้น จำนวน 7,538 ล้านบาทและดอกเบี้ย 114 ล้านบาท

วิธีการชำระคืนมี 4 วิธี คือ1บริษัทจะทยอยชำระเงินต้นและดอกเบี้ย โดยปลอดภาระในช่วง 3 ปีแรก หลังจากนั้นจะทยอยชำระคืนภายใน 18 ปี 2. การแปลงหนี้เป็นทุน 3.การขายทรัพย์สิน และ4.การชำระแบบผสมผสาน คือผ่อนชำระ 50% และแปลงหนี้เป็นทุน 50% หากขายทรัพย์สินได้ อาจไม่ต้องผ่อนชำระหนี้หรือแปลงหนี้เป็นทุน

ทั้งนี้ยกเว้นว่าบริษัทสามารถขายเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียได้ภายใน 7 ปี จะชำระหนี้ให้ธนาคารกรุงไทยและเจ้าหนี้ทุกรายได้ภายในเวลาไม่เกิน 7 ปี แต่หากขายเหมืองได้หลังจากปีที่ 7 จะขอชำระหนี้ให้ KTB และเจ้าหนี้ทุกรายได้ภายในปีนั้นๆ

สำหรับการชำระหนี้ ธนาคารกรุงไทยจะได้รับเงินอันดับแรก หากแผนฟื้นฟูผ่าน ผู้บริหารแผน จะติดต่อเจรจาเพื่อขายทรัพย์สินของเหมืองที่อินโดฯ ที่มีสัมปทานจำนวน 3 สัมปทาน มีมูลค่าทางบัญชีรวมทั้งสิ้น 28,506 ล้านบาท

“ลูกหนี้เชื่อว่าเจ้าหนี้การค้าและสถาบันการเงินต่างให้การสนับสนุนบริษัท เพราะหากไม่มีการฟื้นฟู ลูกหนี้จะต้องล้มละลายไปในที่สุด จะต้องชำระบัญชี ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียต่อเจ้าหนี้ทั้งหลายเป็นอย่างมาก รวมถึงผู้ถือหุ้นด้วย ซึ่งตามลำดับความสำคัญ จะต้องจ่ายเจ้าหนี้ก่อน ผู้ถือหุ้นจะเป็นลำดับสุดท้าย”

ผยง ศรีวณิช

ด้านนาย ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงกรณีบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ว่า ธนาคารตั้งสำรองหนี้ครบแล้วกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท หากเจ้าหนี้ผ่านแผนฟื้นฟูก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ส่วนการแก้ปัญหาหนี้ เป็นไปตามขบวนการของศาล ซึ่งกรณีพบว่ามีสิ่งผิดปกติ ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แล้ว

ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ของธนาคารกรุงไทย เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2561 ที่ผ่านมา มีผู้ถือหุ้นหลายราย ให้ความสนใจสอบถามเรื่องปัญหาและแนวทางการแก้ไขหนี้เสียของธนาคาร ทั้งของบริษัท เอคิว เอสเตท(AQ) หรือกฤษดามหานคร ,บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) และ EARTH โดยตัวแทนธนาคารมีการชี้แจงเรื่องของ EARTH ว่า หลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อ มีทั้งใบหุ้น บุคคลค้ำประกัน และที่ดินของกรรมการบางคน ซึ่งราคาหุ้นที่ลดลงก็มีผลต่อมูลค่าหลักประกันด้วย