ไทยพาณิชย์ จับมือ สสว. ดัน SME เข้า mai 30 บริษัทปีหน้า

ธนาคารไทยพาณิชย์ จับมือ สสว. จัดหลักสูตรเข้มสนับสนุนและส่งเสริม SME ที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนใน mai ตั้งเป้าให้ได้ 30 บริษัทในปี 2562

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด SME Segment ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ SME ปี 2561-2564 ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน SME ที่มีศักยภาพสามารถเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนนอกจากการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

“มีเป้าหมายผลักดันสมาชิกในเครือข่าย สสว. เข้าระดมในตลาด mai จำนวน 30 รายภายในปี 2562 เพื่อให้เป็นต้นแบบของ SME รายอื่นๆ ต่อไป” นางพิกุล กล่าว

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SME ที่อยู่ในเครือข่ายทั้งสององค์กรมีมากกว่า 2 แสนราย

ธนาคารไทยพาณิชย์จะจัดทำหลักสูตรพิเศษเพื่ออบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SME ขนาดกลางในเครือข่ายของ สสว. ที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในระดับหนึ่ง เพื่อเตรียมความพร้อมธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai รวมถึงการวางแผนด้านภาษีสำหรับธุรกิจ และกระบวนควบรวมและการซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) ซึ่งคาดว่า จะเริ่มโครงการครั้งแรกในเดือน ม.ค. 2562

นอกจากนี้ ยังอบรมกลุ่มผู้ประกอบการ SME รายย่อย ในเครือข่ายของ สสว. 1,000 คน ในเรื่องการบริหารจัดการด้านการเงิน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างพื้นฐานความรู้และเปิดมุมมองใหม่ๆ ทางด้านการเงิน ทำให้หาทางเลือกที่เหมาะสมกับธุรกิจอย่างคุ้มค่าที่สุด

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สสว. ในระยะแรก มี SME ที่มีความพร้อม โดยเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ และสนใจเข้าร่วมโครงการ 19 บริษัท จากหลากหลายประเภทธุรกิจ เช่น เครื่องจักรกลและอุปกรณ์, ไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิคส์, ซอฟท์แวร์และแอพพลิเคชัน, ก่อสร้าง, อาหารและเครื่องดื่ม, งานสร้างสรรค์และออกแบบ, การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ, เฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์จากไม้

น.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย Primary Distribution วาณิชธนกิจและตลาดทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2562 มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) 3-4 ราย

“โดย 3 รายจะจดทะเบียนในตลาด SET และอีก 1 รายจดทะเบียนในตลาด mai โดยเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ขนส่งโลจิสติกส์ พลังงาน และธุรกิจความงาม นอกจากนี้ยังมีทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) มากกว่า 1 กองทุน โดยหนึ่งกองอยู่ในธุรกิจค้าปลีก” น.ส.วีณา กล่าว