“คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น” ซื้อหุ้น 25% PKS บริษัทจดทะเบียนในเวียดนาม ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม กำลังผลิต 99.216 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 700 ล้านบาท ด้านผลงานไตรมาส 3/61 กำไรลด 25%
บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2561 มีมติอนุมัติการเข้าบันทึกตกลงลงทุนร่วมกันในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวม 99.216 เมกะวัตต์ ของบริษัท Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศเวียดนาม ที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จังหวัดฟูเยี้ยน สาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ในสัดส่วน 25% ของทุนชำระแล้ว หรือมูลค่าประมาณ 700.98 ล้านบาท กับผู้ร่วมลงทุนคือ บริษัท โซล่า พาวเวอร์ แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (SPM) ในสัดส่วน 65% และหุ้นส่วนที่เหลือถือโดย Nam Viet Hung Investment Corporation (NVH) ในสัดส่วน 5% และกรรมการ 1 รายของ NVH ถือหุ้นในสัดส่วน 5%
ทั้งนี้ SPM ถือหุ้น 100% โดยบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 75% โดยบริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO)
โครงการผลิตไฟฟ้าดงกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี ให้กับ Vietnam Electricty (EVN) ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า (FIT) ที่ 0.0935 เหรียญสหรัฐต่อหน่วยหรือประมาณ 3.08 บาท อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ 32.91 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 7 พ.ย.2561 โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2562
สำหรับแหล่งเงินลงทุนทั้งหมดมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้จากสถาบันการเงิน
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 มีกำไรสุทธิ 37.75 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.032 บาท ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 50.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.043 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 118.20 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.101 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันขงปีก่อนกำไรสุทธิ 149.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.127 บาท
สาเหตุที่กำไรลดลงเป็นผลจากไตรมาส 3/2561 มีรายได้รวม 1,049 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่น โดยรายได้จากการขายลดลง 77 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 9% ส่วนหนึ่งมาจากบริษัทยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง รายได้จากงานบริการติดตั้งลดลง 56 ล้านบาท คิดเป็น 17% เนื่องจากรายได้งานโทรคมนาคมลดลง 45 ล้านบาท รายได้งานติดตั้งอื่นลดลง 11 ล้านบาทและรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท