NETBAY รับอานิสงส์ยุคดิจิทัลดันกำไร Q3 พุ่ง 25%

“เน็ตเบย์” ไตรมาส 3/61 กำไร 37 ล้านบาท เติบโต 25.28% กวาดรายได้จากการให้บริการ 90.63 ล้านบาท เติบโต 15.46% หนุน 9 เดือนแรกของปีนี้โต รับอานิสงส์ภาคธุรกิจเริ่มปรับตัวยอมรับยุคดิจิทัล รุกใช้บริการเทคโนโลยี แพลตฟอร์มมากขึ้น คาดผลงานปีนี้โตตามเป้า

นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ (NETBAY) บริษัทแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยี (Innovative Technology Company) และผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Digital & FinTech Innovative Technology Platform เพื่อให้บริการด้าน Digital Business Services อย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาส 3/61 (ก.ค. – ก.ย.2561) ได้ตามเป้าหมาย โดยมีกำไรสุทธิ 37.41 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการ 90.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.28% และ 15.46% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 29.86 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการ 78.49 ล้านบาท

ปัจจัยการเติบโตมาจากผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ เริ่มปรับตัวยอมรับยุคดิจิทัล รุกใช้บริการเทคโนโลยี แพลตฟอร์มมากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียงไม่ถึง 5% ขณะที่อีก 95% ทั้งภาคธุรกิจเอกชนและภาครัฐยังทำธุรกรรมแบบเดิมๆ (Analog) ส่งผลดีต่อการใช้บริการทำธุรกรรมออนไลน์จากลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ ผ่านระบบของเน็ตเบย์ที่ได้เชื่อมต่อเข้ากับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และยังได้รับผลดีจากภาพรวมการส่งออกที่ยังคงขยายตัว รวมถึงการร่วมมือกับท่าเรือกรุงเทพ เปิดให้บริการชำระเงินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment) แก่ผู้ส่งออกสินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีค่าใช้จ่ายจากการเช่าระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. – ก.ย.2561) มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 108.48 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการ 266.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.56% และ 16.37% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 84.38 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการ 229.14 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการทำธุรกรรมทางออนไลน์ใหม่ๆ เพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ ความร่วมมือกับ บมจ.การบินไทย เปิดให้บริการ TG-e-Import Service Payment Gateway แก่ผู้ใช้บริการคลังสินค้าของการบินไทย อาทิ ผู้นำเข้า ตัวแทนชิปปิ้ง สามารถชำระค่าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ และการเปิดให้บริการ E-Payment แก่ผู้ส่งออกสินค้าผ่านทางเรือกรุงเทพ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NETBAY กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ดีทั้งจำนวนลูกค้าและปริมาณการทำธุรกรรม เนื่องจากเทรนด์ความต้องการใช้บริการทำธุรกรรมทางออนไลน์ยังสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี หลังจากภาคธุรกิจปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมทางออนไลน์เพื่อทดแทนการใช้เอกสารและตอบโจทย์การแข่งขันในยุคดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมาย อาทิ บล๊อกเชน ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

“แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาภาคการส่งออกของไทย เริ่มได้รับผลกระทบจากการเกิดภาวะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณการทำธุรกรรมจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการส่งออก เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีด้านดิจิทัลเข้ามามีบทบาทกับการทำธุรกิจมากขึ้น และพิสูจน์แล้วว่าการทำธุรกรรมทางออนไลน์มีความสะดวกรวดเร็วกว่าการใช้เอกสาร และยังช่วยลดการเกิดข้อผิดพลาดอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาบริการทำธุรกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายพิชิต กล่าว