กำไรบจ.ทะลุ 1 ล้านล้านหนุนหุ้นขึ้น เคทีบีแนะใช้ ETF ช่วยลงทุน

บจ.โชว์ผลงานไตรมาส 3/2561 เป็นไปตามคาดการณ์ กำไรรวมกว่า 2.5 แสนล้านบาท บล.เอเชียพลัส คาดว่าทั้งปีนี้สูงถึง 1.07 ล้านล้านบาท หนุนดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้น บล.กสิกรไทยเผย 21 บริษัทโตเกินคาด 5% ส่วน 8 บริษัทมีลุ้นปรับเพิ่มเป้าหมาย เตือนหลีกเลี่ยง MEGA บล.เคทีบีแนะใช้ ETF อ้างอิงดัชนีช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ในยามเล่นหุ้นรายตัวยากมาก ส่วนแนวโน้มปี 2562 PTT ลั่นกำไรดีขึ้น จากราคาน้ำมันขึ้นไปเฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์สรัฐ/บาร์เรล และค่าการกลั่นดีขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซียพลัส คาดแรงหนุนที่สำคัญต่อแนวโน้มตลาดหุ้นและถือเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับตัวลง ได้แก่การประเมินค่าที่มีสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) เพียง 15 เท่า บนพื้นฐานกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) คาดปีนี้จะทำกำไรสุทธิได้ 1.07 ล้านล้านบาท (คิดเป็น 108 บาทต่อหุ้น) จากยอดรวม 9 เดือนมีกำไรสุทธิมากกว่า 8.1 แสนล้านบาท และความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมของการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งน่าจะทำให้เห็นการไหลกลับของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ แม้ว่าขณะนี้ยังมีหลายปัจจัยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เช่น สงครามการค้า วัฎจักรดอกเบี้ยที่ส่งสัญญาณเป็นขาขึ้นชัดเจน

สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนในสัปดาห์นี้ (19-23 พ.ย.)คงน้ำหนักไว้ตามเดิม คือหุ้นไทย 35% เน้นหุ้นในประเทศ, หุ้นต่างประเทศ 25% เลือกหุ้นสหรัฐและญี่ปุ่น, ในกลุ่มตราสารหนี้30% ให้น้ำหนักไปที่ ตราสารตลาดเงิน และตราสารหนี้อายุคงเหลือไม่เกิน 3 ปี อย่างละเท่า ๆ กัน

“ในสัปดาห์นี้ เลือกหุ้นที่ได้ผลบวกจากการเดินหน้าที่เป็นรูปธรรมของอีอีซี WHA มูลค่าเหมาะสม 4.89 บาท จากแรงขับเคลื่อนคือกำไรไตรมาส 4 น่าจะเป็นจุดสูงสุดของปีทั้งจากการโอนที่ดิน และการขายสินทรัพย์เข้า REIT รวมถึงการถือครองที่ดินในพื้นที่ อีอีซี กว่า 1 หมื่นไร่ ซึ่งราคามีแนวโน้มสูงขึ้น และหุ้น EASTW มูลค่าเหมาะสม 13.50 บาท คาดปริมาณการขายน้ำให้กับภาคอุตสาหกรรมภาคตะวันออกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การปรับเพิ่มราคาขายน้ำในปี2562 นอกจากนี้ยังให้ อัตราผลตอบแทนปันผลกว่า 4% ต่อปี โดยมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอในระดับสูง”บล.เอเซียพลัส ระบุ

ด้านบล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทที่รายงานผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 3/2561 ดีกว่าที่ KS Research คาดเกินกว่า 5% มีทั้งหมด 21 บริษัท เช่นในกลุ่มธนาคารได้แก่ TMB, KTB กลุ่มปิโตรเคมี ได้แก่ IRPC ,PTTGC, IVL

นอกจากนี้ยังมีอีก 8 บริษัทที่มีกำไรงวด 9 เดือน ดีกว่าคาดการณ์ 5% และกำไรรวมมากกว่า 75% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกปรับคาดการณ์กำไรและราคาพื้นฐานขึ้น เช่น CPF,CPALL และควรระวังหุ้นที่มีกำไรต่ำกว่าคาด รวมน้อยกว่า 75% มากๆ จะมีความเสี่ยงที่จะต้องถูกปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีและปรับราคาพื้นฐานลงเช่น MEGA

นาย วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล. เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เชื่อว่าตลาดยังมีแนวโน้มเป็นบวก แต่การเลือกหุ้นรายตัวให้ถูกจังหวะเป็นเรื่องยากในขณะนี้ ดังนั้นการลงทุนผ่าน ETF อ้างอิงดัชนี SET 100 สามารถตอบโจทย์นี้ได้ ซึ่งในต่างประเทศ กองทุนบำเหน็จบำนาญขนาดใหญ่ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ มีการวางแผนระยะยาว นำเงินทุนส่วนใหญ่ประมาณ 70% ลงทุนผ่าน ETF ส่วนที่เหลือ 30% เตรียมไว้ลงทุนในหุ้นรายตัวที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี ถ้าเห็นราคาลงมามากเกินไป นักลงทุนบุคคลในสหรัฐอเมริกา มากกว่า 50% ก็ใช้ ETFในการจัดพอร์ตด้วยเช่นกัน ทำให้กองทุน ETF มีขนาดใหญ่มาก

สำหรับการลงทุนในประเทศไทย ETF เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมีประสบการณ์แล้ว เพราะมีความยืดหยุ่น และเป็นตัวแทนของการจัดพอร์ตอย่างแท้จริง อ้างอิงผลตอบแทนหลายประเภท เช่น ดัชนีหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์อื่นที่ไม่มีโอกาสลงทุนโดยตรง เช่นหุ้นกู้ หรือหุ้นต่างประเทศ

“ตอนนี้เล่นหุ้นรายตัวยากมาก เรามองว่าหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ราคาลงมามาก วัตถุดิบถูกลง มองแนวโน้มดี ชอบหมด เช่น KCE มองว่าถ้าลงมาถึง 33 บาทน่าจะสะสมได้ แต่ราคากลับมาลงมาเหลือ 28 บาท นักลงทุนควรใช้ ETF เป็นเครื่องมือในการจัดพอร์ตจะดีกว่า ” นายวินกล่าว

ทางด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในปี 2562 นายกฤช ชัยเรืองยศ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัทปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้และกำไรสุทธิจะดีกว่าปีนี้ ตามความต้องการใช้และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น บริษัทคาดราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย อยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดเฉลี่ย 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ส่วนธุรกิจโรงกลั่น คาดค่าการกลั่น (GRM)เฉลี่ยอยู่ที่ 6.8-7.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และจะรับรู้รายได้จากการให้ใช้ท่าเรือ-คลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อรองรับการนำเข้า LNG ขนาด 1.5 ล้านตัน/ปี ด้วย

นอกจากนี้บริษัทไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของภาษีจากการโอนกิจการของบริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR)จำนวน 6,000 ล้านบาท เหมือนในปีนี้

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2562 บริษัทตั้งงบไว้ที่ 4.58 หมื่นล้านบาท อยู่ในกรอบแผนการลงทุนระยะ 5 ปี (ปี 2561-2565) ส่วนรายได้ในปีนี้จะเติบโต 2-3% ตามเป้าหมาย