EA มั่นใจกำไรนิวไฮระยะยาว กู้แบงก์ถูกกว่าหุ้นกู้-บุกโครงการใหม่

พลังงานบริสุทธิ์วิ่งตามแผน หาธุรกิจใหม่มาเสริม หนุนรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์-ลม ดีขึ้น กลางเดือนธ.ค.นี้ รับรู้โรงไฟฟ้า”หนุมาน” 180 เมกะวัตต์ ศึกษาลู่ทางลงทุนในเวียดนาม มองเห็นโอกาสพลังงานทดแทนอื่นๆ โรงงานแบตเตอรี่กำลังสร้างเฟสแรก บริษัทมีงบลงทุนอีก 2 หมื่นล้านบาท ขอเงินกู้โครงการจากแบงก์ 1.5 หมื่นล้านบาท ได้รับข้อเสนอต้นทุนถูกกว่าออกหุ้นกู้

นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผย www.hoonsmart.com ว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนในโครงการใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องโครงสร้างการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในเวียดนาม และวางแผนการลงทุน คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 2562

นอกจากนี้บริษัทยังสนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอื่น ๆ ซึ่งมองเห็นโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมฐานธุรกิจให้แข็งแรงขึ้น และมีโอกาสให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในปี 2562 ด้วย

สำหรับโครงการโรงงานแบตเตอรี่ขนาดรวม 50 กิกะวัตต์ชั่วโมง บนพื้นที่ 500 ไร่ มูลค่าการลงทุน 1 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟสแรก ขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง มูลค่าการลงทุน 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2562 ส่วนที่เหลืออีก 49 กิกะวัตต์ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศ

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2561 คาดว่ารายได้และกำไรจะสามารถทำสถิติสูงสุดได้ จากแผนการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามเป้าหมาย ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 404 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 278 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126 เมกะวัตต์ แนวโน้มในไตรมาสที่ 4 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานลม จ.ชัยภูมิ หรือ “โครงการหนุมาน” ในกลางเดือนธ.ค. จะสามารถรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้า จำนวน 180 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 80 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรับรู้ได้ภายในเดือน ม.ค.2562 ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเป็น 664 เมกะวัตต์ ซึ่งจะผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นางออมสิน กล่าวว่า บริษัทกำลังจัดทำแผนการดำเนินงานปี 2562 เบื้องต้นคาดว่าผลงานจะเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนรวมสำหรับปี 2561-2562 ไว้ประมาณ 2.66 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในโครงการหนุมานจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท, โครงการโรงงานแบตเตอรี่ เฟส 1 จำนวน 4,000 ล้านบาท, โครงการผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล 2,000ล้านบาท, โครงการ EV Charging 800 ล้านบาท, การวิจัยและพัฒนา 300 ล้านบาท และอื่น ๆ อีก 1,500 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทใช้งบลงทุนไปแล้วประมาณ 6,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนยื่นขอเงินกู้โครงการจากสถาบันการเงินมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการออกหุ้นกู้ จากเดิมบริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้ จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ประมาณ 2.6-2.7 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 2.03 เท่า เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการต่าง ๆ