GBS มองหุ้นสัปดาห์นี้แนวต้าน 1,690 จุด ชู KKP-TISCO-TCAP

บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยสนับสนุนสหรัฐฯ-จีนยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว ด้านปัจจัยในประเทศคาดครม.จะทยอยอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และปลดล็อกพรรคการเมืองจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ในเดือนธ.ค. ให้กรอบดัชนี 1,640–1,690 จุด ชู KKP-TISCO-TCAP ส่วนราคาทองคำแนะนำเทรดดิ้ง

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนคลีคลายลงจากการที่สหรัฐฯเลื่อนกำหนดเวลาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 1 ม.ค.2562 ออกไป 90 วัน หากสิ้นสุดเวลาดังกล่าวยังหาข้อตกลงไม่ได้ก็จะขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25%

ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัว 1.13% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดเงินเฟ้อปี 2561 ที่ 1.12% ซึ่งยังอยู่ในกรอบคาดการณ์เงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.8-1.6% แสดงถึงภาวะเงินเฟ้อที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นมาก จึงไม่มีแรงกดดันในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกนง.ครั้งสุดท้ายของปี รวมถึงการคาดการณ์ว่าที่ประชุมครม.จะทยอยอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และการปลดล็อกพรรคการเมืองให้จัดกิจกรรมทางการเมืองได้ในเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ ปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้มาจาก คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนหน้าตามที่ได้ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ และ Fund Flow ไหลออก นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.87 แสนล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 5 ธ.ค. จีน เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย. อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนต.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2561 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ดัชนีภาคบริการ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) (เช้าวันที่ 6 ธ.ค.) วันที่ 6 ธ.ค. ประชุมกลุ่มโอเปกกำหนดนโยบายในปี 2562 และในวันที่ 7 ธ.ค. ประธานคสช.นัดหารือพรรคการเมืองรับฟังข้อเสนอจากพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,640–1,690 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เช่น KKP, TISCO, TCAP และหุ้นที่ได้อานิสงส์จากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีน 1-15 ก.พ.62 วงเงินคนละ 2 หมื่นบาท คืน VAT 5% เข้าบัญชีพร้อมเพย์ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ผลการเจรจาลดความขัดแย้งของสงครามการค้าระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐฯในการประชุม G20 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ผลเพียงระงับการขยายข้อพิพาทชั่วคราวเท่านั้น โดยสหรัฐฯจะไม่เพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน แต่ยังคงเก็บในอัตรา 10% เท่ากับก่อนหน้า ส่วนจีนจะต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้นเพื่อลดการเกินดุลการค้า แต่ไม่มีการระบุถึงขอบเขต จำนวน หรือ มูลค่าใด ๆ ทำให้มีแนวโน้มที่ภาวะสงครามการค้าโลกจะดำเนินต่อไป โดยอาจมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นการยุติศึกการค้าและหันหน้าเข้าเจรจากันมากขึ้นก็เป็นผลบวกต่อมุมมองของนักลงทุน ทำให้เงินไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง ราคาน้ำมันก็ได้อานิสงส์ตามไปด้วย แต่เนื่องจากภาวะความตึงเครียดทางการเมืองในฝรั่งเศสที่เกิดการจราจลกลางเมืองแบบยืดเยื้อ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของอิตาลี และการสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจจากกรณี Brexit ต่างกดดันให้เงินยูโรไม่แข็งค่ามากนัก

ทั้งนี้ แม้ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนลงจากการที่ตลาดกำลังกลับเข้าสู่ภาวะ risk on ก็ตาม แต่ราคาทองคำยังคงได้รับประโยชน์จากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ดี คงคำแนะนำให้ trading ในกรอบราคาระหว่าง 1,200–1,250 ดอลลาร์/ออนซ์