ADB เหมากรีนบอนด์ BGRIM เกลี้ยง 5 พันล้าน ประหยัดดอกเบี้ย 2%

ADB สนับสนุน “บีกริม” ออกกรีนบอนด์รายแรกของประเทศไทยด้านภูมิอากาศ กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ชี้หุ้นกู้ล็อตนี้ช่วยลดต้นทุนการเงิน 2%

วันนี้ บริษัท บีกริม เพาเวอร์ (BGRIM) เซ็นสัญญากับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ในการออกพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) มูลค่า 5,000 ล้านบาท ถือป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการออกพันธบัตรด้านภูมิอากาศ

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ADB ได้ซื้อกรีนบอนด์ชุดนี้ทั้งหมดแล้ว 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทออกเป็นอายุ 5 ปี จำนวนมูลค่า 1,500 ล้านบาท และอายุ 7 ปี จำนวน 3,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.6% ต่อปี ทำให้บริษัทประหยัดต้นทุนทางการเงินจากปัจจุบันมีต้นทุนเฉลี่ย 5-5.5% ต่อปี

สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปรีไฟแนนซ์ประมาณ 3,000 ล้านบาท จากหนี้ปัจจุบันทั้งหมด 5.40 หมื่นล้านบาท และที่เหลือใช้ลงทุน ในส่วนของโรงไฟฟ้ายังมีโซลาร์ยันฮี 59 เมกะวัตต์ โซลาร์สหกรณ์และโซลาร์ทหารผ่านศึกอีก 31 เมกกะวัตต์ นอกตจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนจะออกกรีนบอนด์รุ่นต่อๆ ไป ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการกับ ADB

“บีกริม ออกหุ้นกู้ครั้งนี้ได้ผ่านมาตรฐานเกณฑ์การออกพันธบัตรอาเซียนกรีนบอนด์ ที่ใช้ทั่วภูมิภาคอาเซียนของสมาคมตลาดทุนระหว่างประเทศ ซึ่งการออกกรีนบอนด์นี้จะทำให้กองทุนในต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่ใส่ใจและดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างชื่อเสียงให้เบีกริมเป็นที่รู้จักในวงกว้าง”นางปรียนาถ กล่าว

ปัจจุบันบริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ADB นอกจากสนับสนุนด้านเงินกู้แล้ว ADB ยังเป็นนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาซื้อหุ้น BGRIM ในช่วงเสนอขายนักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) ซึ่งปัจจุบัน ADB ยังคงถือหุ้นอยู่อันดับ 4 สัดส่วน 4.72% นอกจากนั้น ADB ยังคงให้การสนับสนุนแหล่งเงินกู้ของบีกริมก่อนหน้านี้ ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้น BGRIM ของนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น 5% เป็น 35%

ทางด้านผลดำเนินงานของบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 3,000 เมกกะวัตต์ และมีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% โดยเป้าหมายที่จะเป็น 5,000 เมกกะวัตต์ในปี 2564 ซึ่งน่าจะถึงก่อนเป้าหมาย เนื่องจากปีหน้าจะได้อีก 2,700 เมกะวัตต์

ปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.5 เท่า ยังสามารถกู้ยืมได้อีก ทั้งกู้จากสถาบันการเงินและออกหุ้นกู้ เพราะใช้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน 3 ต่อ 1 นอกจากนี้พร้อมประมูลตามแผนพัฒนาสำหรับปีหน้า ซึ่งบริษัทสามารถสู้ได้ในทุกโครงการ

อย่างไรก็ตามโครงการในมือนอกจากโครงการใหญ่ในเวียดนาม ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 โครงการ เพื่อให้เสร็จทันในปีหน้า บริษัทยังมองพลังงานทดแทนที่ประเทศมาเลเซีย กัมพูชา ลาวและเกาหลี รวมถึงโซลาร์รูฟในฟิลิปปินส์

“บริษัทไม่ได้มุ่งที่จะโตอย่างเดียว แต่จะโตอย่างมีคุณภาพและบริหารความเสี่ยงให้รอบด้าน ถ้าตรงไหนมีโอกาสก็พร้อมออกไปลงทุน อย่างเวียดนามเราออกไปรายแรก จึงได้เงื่อนไขที่ดีและได้สัญญาระยะยาว ส่วนโครงการแบตเตอรี่ บริษัทไม่จำเป็นต้องลงทุนเองจะใช้วิธีซื้อจากจีนและเกาหลี เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่วนการประมูลของภาครัฐที่สนับสนุนการใช้แก๊ส บริษัทก็มีความชำนาญเช่นกัน”นางปรียานารถ กล่าว

ทั้งนี้ ในปีนี้บีกริมออกหุ้นกู้โดยบริษัท บางกระดี 1,2 จำนวน 6,000 ล้านบาทเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ดอกเบี้ย 3.9% และบีกริมออกเองเดือนต.ค.ที่ผ่านมา 9,600 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3.98% ปีหน้าคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 9,000 -10,000 ล้านบาท ปี 63 จำนวน 13,000 ล้านบาทและคาดว่ารายได้ปีนี้จะมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ส่วนการออกกรีนบอนด์ของ BGRIM ถือเป็นครั้งที่สองของ ADB ซึ่งครั้งแรกสนับสนุนผ่านการค้ำประกันการออกกรีนบอนด์โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้ภิภพในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อปี 2559