บลจ.ไทยพาณิชย์ เคาะขายกองทุนฟรีค่าธรรมเนียมประเดิม SCB SET Index

บลจ.ไทยพาณิชย์ เคาะขายกองทุนฟรีค่าธรรมเนียมส่ง SCB SET Index ลงทุนอิงดัชนีตลาด เข้าใจง่าย เปิดตลาด เริ่ม 17 ธ.ค.นี้ ลงทุนผ่าน 2 แอปพลิเคชั่น SCBAM Fund Click และ SCB Easy Net

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเปิดให้บริการกองทุนชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end Fee) และค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) โดยจะเริ่มที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ ( SCB SET Index Fund) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Passive เน้นลงทุนให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ด้วยมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 1 บาท – สูงสุด 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ผ่าน 2 แอปพลิเคชัน คือ SCBAM Fund Click ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารจัดการเงินลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา และแอปพลิเคชัน SCB Easy Net ของธนาคารไทยพาณิชย์

ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย

“การเปิดให้ลงทุน e-class ของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ (SCB SET INDEX FUND) เป็นกองแรกนั้น นักลงทุนสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย เพราะนโยบายการลงทุนไม่ซับซ้อนเหมาะกับการกระจายการลงทุนและถือครองระยะยาว ซึ่งกองทุน SCB SET Index นับเป็นกองทุนดัชนีเพียงหนึ่งเดียวในไทยที่ลงทุนใน SET Index” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

บลจ.ไทยพาณิชย์ มุ่งหวังให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น รวมถึงรับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความสนใจในการลงทุนตั้งแต่ในวัยกำลังศึกษาหรือเพิ่งเข้าสู่สังคมทำงาน เนื่องจากปัจจุบันมีการลงทุนในสินทรัพย์นอกเหนือเงินฝากอยู่น้อยมาก ซึ่งทั้งประเทศมีบัญชีเงินฝากประมาณ 98 ล้านบัญชี รวมเป็นมูลค่าประมาณ 12 ล้านล้านบาท โดยในปี 2560 แบ่งเป็นจำนวนบัญชีกองทุนต่อจำนวนบัญชีเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 9.61 (ที่มา : สมาคมบริษัทจัดการลงทุน) ซึ่งอุปสรรคหลักในการไม่ลงทุนคือ ขั้นตอนการเปิดบัญชีที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการที่สูง และการไม่เข้าใจกลยุทธ์ที่ผู้จัดการลงทุนใช้บริหารเงินลงทุน

ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ เชื่อว่าการเปิดให้บริการกองทุน e-class ผ่านช่องทางดิจิทัลจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นขยายฐานลูกค้าใหม่ให้มาลงทุนผ่านกองทุนรวมมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีฐานลูกค้ากว่า 8 แสนบัญชี เป็นบัญชีที่มีเงินลงทุนไม่เกิน 2 ล้านบาทกว่า 5 แสนบัญชี โดยตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าผ่านทางช่องทางดิจิทัล 1.5 ล้านรายภายใน 3 ปี