YLG แนะปันเงินลงทุนทองปี 62 โอกาสทำกำไรเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย

วายแอลจี บูลเลี่ยนชี้ทองคำยังน่าลงทุนในปี 2562 ราคามีโอกาสขยับจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังเฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจไม่แรงเท่าปีนี้ จับตาความเสี่ยงอยู่ที่การเมืองยุโรป-สงครามการค้าประทุ แนะกลยุทธ์ทยอยเข้าซื้อแนวรับแรก 1,180 ดอลลาร์ หรือ 18,250 บาท เหลือเงินส่วนหนึ่งรอเก็บแถว 18,000 บาท มีโอกาสทำกำไร 20,900 บาท ผ่านไปได้รอลุ้น 21,400 บาท ส่วนปีนี้ราคาผันผวน แกว่งขึ้นลง 2,300 บาท สูงสุด 20,450 บาท ต่ำสุด 18,150 บาท

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ในปี 2562 ส่วนใหญ่ยังเป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องมาจากปี 2561 จุดโฟกัสจะยังอยู่ที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงผลกระทบจากการเมืองสหรัฐที่สภาคองเกรสถูกแบ่งเป็น 2 พรรค แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจชะลอตัวลงและปัญหาการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ อีกทั้งหากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐคลี่คลายลงก็จะยิ่งลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย

นอกจากนี้แนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับนโยบายการเงินเข้าสู่สภาวะปกติ(monetary policy normalization)จะเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินยูโรและทองคำเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงในเชิงลบต่อราคาทองคำ เห็นจะเป็นปัญหาการเมืองในฝั่งยุโรปที่จะเป็นกดดันสกุลเงินยูโรให้กลับมาอ่อนค่าได้ บวกรวมกับความเสี่ยงในกรณีที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงดำเนินต่อไปอาจจะทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในปี 2562

“YLG ประเมินว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2562 อาจมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้างในทิศทางค่อยๆ ขยับขึ้น โดยราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1,160-1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ประมาณ 18,000-21,400 บาทต่อบาททองคำ ทั้งนี้ แนวต้านแรกจะอยู่ในโซน 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 20,900 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดเดิมของปี 2561″นางพวรรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือแนวต้านระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง ยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านในโซน 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,400 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับแรกอยู่บริเวณ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,250 บาทต่อบาททองคำ แต่หากราคายืนแนวรับแรกไม่ได้ต้องระมัดระวังการปรับตัวลงต่อ โดยมีโอกาสปรับตัวลงต่อทดสอบบริเวณ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,000 บาทต่อบาททองคำ

“ราคาทองคำในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาระดับต่ำสุดและระดับสูงขึ้นจะยกสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าแต่ก็ไม่มาก โดยระดับต่ำสุดของปี 2561 ยกสูงกว่าระดับต่ำสุดของปีก่อนหน้าราว 15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ระดับสูงสุดของปี 2561 สูงกว่าระดับสูงสุดของปีก่อนหน้าเกือบ 10 ดอลลาร์ต่อออนซ์”นางพวรรณ์ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนทองคำในปี 2562 เบื้องต้นแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,250 บาทต่อบาททองคำได้อย่างแข็งแกร่ง โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรก ซึ่งประเมินแนวรับถัดไปโซน 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,000 บาทต่อบาททองคำ เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นอาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 20,900 บาทต่อบาททองคำ แต่หากผ่านได้สามารถชะลอการขายไปยังโซนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,400 บาทต่อบาททองคำ

นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำตลาดโลกในปี 2561 มีกรอบการแกว่งตัวมากกว่า 200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,366.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์และมีระดับต่ำสุดที่ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีกรอบการแกว่งตัว 2,300 บาทต่อบาททองคำ ในระหว่างปีราคาทองคำในประเทศมีระดับสูงสุดอยู่ที่ 20,450 บาทต่อบาททองคำและร่วงลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี 10 เดือนบริเวณ 18,150 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ตามแม้ไตรมาสแรกราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีบริเวณ 1,366.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดีนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ไปจนถึงกลางไตรมาส 3 จะเห็นได้ว่าราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากการคาดการณ์ถึงการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยอันเนื่องมาจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงต่อเนื่อง ประกอบกับสถานะขายซึ่งเป็นการเก็งกำไรในทิศทางขาลงในสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น

ปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงลบเพิ่มเติมจนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของปี 2561 และถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 19 เดือนบริเวณ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 16 ส.ค. ก่อนที่ราคาทองคำจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องจนมาถึงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง ขณะเดียวกันมุมมองเกี่ยวกับการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. โดยนักลงทุนคาดการณ์มากขึ้นว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2562