โบรกฯ คาดหุ้นแกว่งขึ้น ระวังแรงขาย LTF

โบรกฯ มองแนวโน้มหุ้นวันนี้แกว่งตัวขึ้น ลุ้นสหรัฐฯ เจรจาการค้ากับจีน “ฟินันเซีย ไซรัส” มองตลาดผันผวนสูง แนะหุ้นปันผลสูง “กรุงศรี” ชี้บาทแข็ง เจรจาการค้าเงินไหลเข้าหนุนดัชนีทดสอบ 1,570 จุด “โนมูระ พัฒนสิน” ชูหุ้นใหญ่ PTT, PTTEP, BBL “บล.กสิกรไทย” แนะระวังแรงขายกองทุน LTF ช่วง 1-2 วันแรกกดดัชนี

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up จากพัฒนาการเชิงบวกในประเด็นสงครามการค้าหลังมีข่าวว่าการเจรจาพูดคุยระหว่างจีน-สหรัฐฯมีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามยังมองว่าความผันผวนในตลาดยังคงค่อนข้างสูง โดยต้องจับตาดูการผ่านร่างงบประมาณสหรัฐฯเพื่อยุติ Government Shutdown รวมถึงฝั่งอังกฤษในประเด็น Brexit จึงยังมองว่าหุ้น Domestic Play ที่จ่ายปันผลสูงน่าจะยัง Outperform ตลาดแม้จะมีกระแสการเลื่อนเลือกตั้ง แต่คาดว่ากระทบจำกัด

สำหรับกลยุทธ์ ยังเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Dividend Play โดยหุ้นเด่นเดือน ม.ค. ได้แก่ BBL, BEM, CK, CPALL, ERW

บล.กรุงศรี คาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,570 – 1,575 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตอบรับความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 7 ม.ค.หลังประธานาธิบดีสหรัฐ ทรัมป์เผยว่าการหารือการค้าทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี สีจิ้นผิงมีความคืบหน้าอย่างมาก ประกอบกับ sentiment เชิงบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 32 – 32.1 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงกระแส Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิตลาดหุ้นและ TFEX ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางดัชนี

อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงกดันจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีนที่หดตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 จะทำให้ความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวยังคงอยู่ ประกอบกับภาวะ Shutdown ของสหรัฐที่ยังไม่ยุติจะเป็นตัวถ่วงต่อภาวะตลาดให้สลับอ่อนตัว

บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดตลาดปรับตัวขึ้น แนวต้าน 1,571/1,578 จุดแนวรับ 1,556/1,549 จุด ปัจจัยต่างประเทศมีสัญญาณบวก รับ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เชิญผู้นำสภาคองเกรสในวันนี้เพื่อหารือยุติภาวะชัตดาวน์ ก่อนสภาสหรัฐฯจะเตรียมร่างงบประมาณใหม่ในวันพรุ่งนี้ ผสานประธานาธิบดีสหรัฐ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า การพูดคุยเกี่ยวกับการค้ากับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีความคืบหน้าอย่างมาก เป็นจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ประกอบกับ SET ซื้อขายที่ Valuation ถูกเพียง 14.33 เท่า น่าจะหนุน SET บวกได้ โดยวันนี้แนะ Theme “Big Cap Play” ได้แก่ PTT,PTTEP,BBL

บล.กสิกรไทย มองปัจจัยลบต่างประเทศเริ่มผ่อนคลาย ล่าสุดได้แรงหนุนจากทวิตข้อความของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 29 ธ.ค.61 การหารือการค้าทางโทรศัพท์ระหว่างตนเองและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากตลาดมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น อย่างไรก็ตามต้องระวังการขาย LTF ที่ครบกำหนดการถือครองมักจะเป็นตัวกดดัน SET Index ในช่วง 1-2 วันแรกของปี

“ในช่วง 1-2 วันทำการแรกของปี เป็นช่วงที่ต้องระวังการขายของ LTF ที่ครบกำหนดการถือครองมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อ LTF ไว้ในปี 2558 กว่า 6.3 หมื่นล้านบาทจะมีสิทธิ์ขายในปี 2562 นี้”บล.กสิกรไทย ระบุ

ทั้งนี้ จากสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา การขาย LTF ที่ครบกำหนดมักจะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค. คิดเป็นปริมาณสูงถึง 23% ของยอดขายทั้งปี อย่างไรก็ตามการขายของ LTF มักจะไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของสถาบันในประเทศใน 5 ปีที่ผ่านมาจะซื้อสุทธิในเดือน ม.ค. ทุกปีเฉลี่ยกว่า 5.2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อเจาะเข้าไปดูรายละเอียดของสถาบันในประเทศ แม้จะมีการซื้อสุทธิในเดือน ม.ค. แต่ในช่วง 1-2 วันแรกมักจะเป็นฝ่ายขายสุทธิเสมอ (คาดว่าเป็นการขายตามคำสั่งไถ่ถอน LTF ก่อนจะกลับมาซื้ออีกครั้ง) ทั้งนี้ใน 5 ปีที่ผ่านมา SET Index มีความน่าจะเป็นในการปรับลดลง 2 วันแรกของปีอยู่ที่ 60% เฉลี่ย -1.2%

ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา SET Index ไม่ได้รับผลลบจากการขาย LTF โดยสามารถปรับเพิ่มขึ้นใน 2 วันแรกเฉลี่ย 1.7% สำหรับในปีนี้เป็นไปได้ว่าภาพของตลาดที่กำลังฟื้นตัวหลังเจอ Panic Sell ช่วงปลายปี จะทำให้ผู้ถือครอง LTF ที่ครบกำหนดอาจดูสถานการณ์ต่อไปก่อน แต่ก็ยังต้องระวังว่ากลุ่มนี้พร้อมขายได้ตลอดเวลา เนื่องจากต้นทุนเฉลี่ย SET Index ของผู้ซื้อ LTF ในช่วง พ.ย.-ธ.ค.58 อยู่ที่ 1,323 จุดเท่านั้น