“ไทยไฟท์” ปรับแผนเข้า SET “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ยื่นไฟลิ่งปีนี้

ธุรกิจกีฬาสร้างสีสันตลาดหุ้นไทย “ไทยไฟท์” ปรับแผนนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แทน mai ขอเวลา 1-2 ปี จัดโครงสร้าง เพิ่มรายได้ รุกธุรกิจคอมเพล็กซ์ ให้บริการร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจฟิตเน็ตแอนด์ยิม เสริมธุรกิจจัดการแข่งขันชกมวยไทย ส่วนสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของ”เนวิน” เตรียมตัวใกล้เสร็จแล้ว พร้อมซื้อขาย mai ทันปี 2562

แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยไฟท์ ผู้จัดการแข่งขันมวยไทย “ไทยไฟท์”(Thai Fight) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนที่จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ภายใน 1-2 ปีนี้ จากเดิมที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ( mai) ภายในปี 2560 โดยจะมีการสร้างรายได้เพิ่ม จากการทำธุรกิจคอมเพล็กซ์ ซึ่งจะให้บริการด้าน ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และธุรกิจฟิตเน็ตแอนด์ยิม ขณะนี้มีการซื้อที่ดินบริเวณรัชดาภิเษกไว้รองรับแล้ว เพื่อที่จะเปิดให้บริการเป็นแห่งแรก หากประสบความสำเร็จก็จะเปิดให้บริการที่อื่นๆต่อไป


“เราได้ปรับแผนการเข้าตลาด เพราะเดิมจะมี story ไม่มาก มีรายได้หลักมาจากธุรกิจจัดการแข่งขันชกมวยไทย ทำให้ความสนใจมีไม่มาก ดังนั้นจึงได้จัดทำแผนการทำธุรกิจคอมเพล็กซ์ขึ้นมา เพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น และรายได้ก็จะมีหลายทางอีกด้วย”แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเตรียมจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพราะว่าต้องการรอให้มีการลงทุนด้านคอมเพล็กซ์เสียก่อน และเมื่อมีรายได้ใหม่เข้ามา ก็จะทำให้มีความน่าสนใจในช่วงที่หุ้นเข้ามาจดทะเบียน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท และบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนเพื่อที่จะนำเงินไปลงทุนธุรกิจคอมเพล็กซ์

นายสมภพ กีระสุนทรษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน สโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คาดว่าจะยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ภายในปี 2562 ให้ได้ตามที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียน ในตลาด mai ภายในปีนี้ และจะเป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของไทยที่เข้าตลาดหุ้น ขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมในต้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี การควบคุมภายใน ในส่วนใดที่จะต้องแก้ไขก็จะมีการหารือกับ ก.ล.ต.อย่างใกล้ชิด

“เราได้มีการเตรียมตัวมามากกว่า 2 ปีแล้ว ในการเตรียมการที่จะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้าตลาดหุ้น ความคืบหน้าในการเตรียมตัวขณะนี้มีมากกว่า 70%”นายสมภพ กล่าว

สมภพ กีระสุนทรพงษ์

กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟืนันเซีย ไซรัส เชื่อว่าสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อเข้ามาจดทะเบียนจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เนื่องจากธุรกิจกีฬาฟุตบอลเป็นธุรกิจที่เข้าใจง่าย และสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือเป็นสโมสรฟุตบอลอันดับหนึ่งของประเทศ ขณะนี้มีรายได้จากการขายเสื้อฟุตบอล และยอดขายตั๋วฟุตบอลมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งในไตรมาส 2/2562 ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท จะเพิ่มทุนอีก 100 ล้านบาท เพื่อเข้าระดมทุนใน mai ส่วนวัตถุประสงค์ของการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เพื่อทำให้ธุรกิจมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น บริษัทจะไม่ทำแค่สปอร์ตอย่างเดียว ต่อไปจะทำเป็น Sport Entertainment ตัวสเตเดียม สำหรับจัดเวิลด์คอนเสิร์ต สิ่งที่อยากทำอีกคือ แอดเวนเจอร์สปอร์ต และศูนย์ฟื้นฟูกายภาพบำบัดสำหรับคนทั่วไป

“ปัจจุบันบริษัทต้องจ่ายภาษีให้แก่นักเตะที่ได้เงินเดือนด้วย ทำให้ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม 1.5 เท่า เหนื่อยมาก แนวโน้มผลการดำเนินงานดีขึ้น ในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 900 ล้านบาท ขาดทุนประมาณ 70 ล้านบาท ขาดทุนสะสมอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 2561 น่าจะมีกำไรประมาณ 50 ล้านบาท รายได้หลัก มาจากการจำหน่ายเสื้อฟุตบอลและของที่ระลึกสัดส่วนกว่า 40% รายได้จากค่าตั๋ว 20% ส่วนที่เหลือ 40% เป็นรายได้จากสปอนเซอร์ ค่าเช่าพื้นที่การจัดอีเวนต์ อื่น ๆ”นายเนวินกล่าว