ปตท.สผ.จะเริ่มกลับมาผลิตก๊าซฯ จากแหล่งบงกชได้ในวันที่ 6 ม.ค. ทุกฝ่ายดูแลไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม เพียงพอกับความต้องการใช้ในพื้นที่ กฟผ.ร่วมมือกลุ่มปตท.จัดส่งถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึก
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “ปาบึก” ในบริเวณอ่าวไทย ได้เคลื่อนตัวผ่านแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติของ ปตท.สผ. ในอ่าวไทยไปแล้วเมื่อเช้าวันที่ 5 ม.ค. 2562 โดยพนักงานและผู้รับเหมาทุกคนปลอดภัย ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาเริ่มผลิตก๊าซฯ จากแหล่งบงกชได้ในวันที่ 6 ม.ค. 2562 ส่วนแท่นผลิตก๊าซฯ อาทิตย์ ยังคงผลิตก๊าซฯ ได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ
สำหรับผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ปตท.สผ.ได้จัดเตรียมถุงยังชีพจำนวน 1,500 ชุด เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน โดยจะประสานงานผ่านกองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 กองทัพเรือ และหน่วยงานราชการในพื้นที่
ทางด้านกระทรวงพลังงาน รายงานเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ได้ผ่านช่วงที่วิกฤตที่สุดต่อการผลิตปิโตรเลียมไปแล้ว คาดจะเริ่มการผลิตตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. และจะทยอยกลับมาผลิตได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. เป็นต้นไป
ส่วนการติดตามและบริหารสถานการณ์พลังงานนั้น การผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) และจากสหภาพเมียนมา อยู่ที่ระดับประมาณ 2,725 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ต่ำกว่าปกติ โดยได้ส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และลดการส่งไปปิโตรเคมี สามารถจัดสรรก๊าซฯ ไปยังภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรมและ NGV ได้ตามแผน และมีปริมาณก๊าซฯ เพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์จนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้านไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งโรงไฟฟ้า สถานีส่งและระบบส่งไฟฟ้า โดยเฉพาะการเฝ้าระวังระดับน้ำ ที่ท่วมในพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลต่อสถานีส่งไฟฟ้า และมีมาตรการรองรับกรณีระดับน้ำสูงไว้แล้ว
น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม ประชาชนได้จัดเตรียมน้ำมันสำรองเพียงพอต่อความต้องการใช้ ทำให้ไม่เกิดความตระหนกและกักตุนน้ำมันและก๊าซหุงต้ม รวมถึงผู้ค้าน้ำมันได้มีการจัดส่งน้ำมันอย่างเพียงพอ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ กฟผ.ได้จัดเตรียมถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ถุง และกลุ่ม ปตท. (PTT) ได้จัดส่งถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ถุง ซึ่งจัดส่งถึงพื้นที่ภาคใต้เรียบร้อยแล้ว และจะจัดส่งเพิ่มเติมอีก 4,000 ชุด ลงไปในพื้นที่อีก