ICO ตัวแรกของไทย JFIN Coin ร่วงต่ำกว่า 1 บาท ผู้บริหารชี้แจงสาเหตุ เกิดจากนักลงทุนตื่นตระหนก กลัวซื้อขายไม่ได้ หลังจากกระดานเทรด “คอยน์ แอสเซท” ไม่ได้ใบอนุญาต เตรียมแผนย้ายไปเทรดตลาดแห่งใหม่ ยันพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิตอลเสร็จ ต.ค.นี้ ดึงดูดความสนใจให้นักลงทุนกลับมาลงทุน
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) บริษัทย่อยของกลุ่มเจมาร์ท และเป็นบริษัทแรกที่ระดมทุน ICO เปิดเผยว่า ราคาดิจิทัลโทเคน JFIN Coin ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2562 ปรับตัวลงมา อยู่บริเวณ 0.78-0.80 บาท จากราคา ICO โทเคนละ 6.60 บาท สาเหตุหลักมาจาก บริษัท คอยน์ แอสเซท ตลาดที่ซื้อขาย JFIN Coin ในปัจจุบัน ไม่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ทำให้นักลงทุนตื่นตกใจ รีบขายออกมาก่อน เพราะเกรงว่าต่อไปจะไม่สามารถซื้อขายได้
อย่างไรก็ตาม ทางเจ เวนเจอร์ส ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยมีการหารือกับตลาดที่ได้รับอนุญาตแล้วจำนวน 4 ราย แต่ยังไม่ได้เลือกหรือสรุปว่าจะย้ายไปซื้อขายในตลาดใด
นอกจากนี้ราคา JFIN Coin ที่ปรับตัวลงมาตลอด มีสาเหตุหนึ่งมาจาก ดีมานด์ และซัพพลาย นักลงทุนที่ซื้อตอน ICO ขายออกมา เพราะไม่ต้องการลงทุนระยะยาว เนื่องจากการพัฒนาระบบของบริษัทยังไม่เสร็จ โดยบริษัทระดมทุนได้จำนวน 660 ล้านบาท ส่วนหนึ่งนำไปใช้พัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัล คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยในเดือนต.ค. 2562
“หากมีตลาดรองรับเชื่อว่าจะทำให้การตื่นตกใจจะลดลง และราคาก็น่าจะดีขึ้น และเมื่อระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลเสร็จ ก็จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น เปรียบเสมือนการซื้อคอนโดมิเนียม เมื่อสร้างยังไม่เสร็จ ก็ไม่ต้องรีบเข้ามาซื้อ ราคา JFIN Coin ตอนนี้ถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาด โดยนักลงทุนที่ซื้อตั้งแต่ ICO บางส่วนยังถืออยู่ ส่วนตัวผม และวีไอบางคน ยังคงลงทุนระยะยาว”นายธนวัฒน์ กล่าว
สำหรับภาพรวม ICO นายธนวัฒน์กล่าวว่า ความสนใจของนักลงทุนลดลง เพราะเป็นเรื่องใหม่สำหรับการลงทุน และจะเหมาะสำหรับบางบริษัท ดีสำหรับกลุ่มเจมาร์ท เพราะเพราะนำเงินไปลงทุนขยายธุรกิจที่เสริมกับธุรกิจของ เจ เวนเจอร์ส และบริษัทเจ เวนเวอร์ส เป็นที่สนใจของนักลงทุนจากการเป็นบริษัทย่อยของเจมาร์ทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
อ่านประกอบ
“คอยน์ แอสเซท” ลั่นระบบปลอดภัย ยื่นขอใบอนุญาตเปิดตลาดดิจิทัลรอบ 2