IVL ทุ่มเงิน 2.5 พันล.บุกอินเดีย ซื้อหุ้นใหญ่โพลีเอสเตอร์จากกลุ่มโลเฮีย

บอร์ด อินโดรามา เวนเจอร์ส ไฟเขียวเข้าลงทุน 65% ในบริษัทอินเดีย ที่มีครอบครัว นายอาลก โลเฮีย ถือหุ้นใหญ่ คาดใช้เงิน 2,579 ล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุน-ตั้งโต๊ะรับซื้อจากรายย่อย โตทางลัดขึ้นเป็นผู้ผลิตชั้นนำในผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น 2 แห่ง

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Indo Rama Synthetics(India)หรือ IRSL ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย และตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์

ทั้งนี้ IVL ซื้อหุ้นออกใหม่ของ IRSLจำนวน 83 ล้านหุ้น หรือประมาณ 31.79% ในราคาหุ้นละ 36 รูปีอินเดีย จากพาร์ 10 รูปีอินเดีย มูลค่าประมาณ 1,442.31 ล้านบาท (ต้นทุนสูงสุดในการซื้อหุ้น) ซึ่งตามกฎระเบียบของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย (SEBI )จะต้องทำการเสนอซื้อหุ้นจากรายย่อยทั้งหมดรวมกัน 65.43 ล้านหุ้น หรือประมาณ 25.06% ทำให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 56.85% คาดว่าคำเสนอซื้อหุ้นจะมีมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ ประมาณ 1,137.24 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 2,579.55 ล้านบาท

สำหรับ IRSL เป็นผู้ผลิตชั้นนำในผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ต่างๆในประเทศอินเดีย มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 605 กิโลตันต่อปี

การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันประเภท”ทรัพย์สินหรือบริการ” เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ มีพี่ชายของ นายอาลก โลเฮีย คือ นายโอม ปรากาซ โลเฮีย และบุคคลในครอบครัว ถือหุ้นรวมกันประมาณ 36.32% หรือ ประมาณ 22.39% หลังเพิ่มทุน และบริษัท Brookgrange Investments Limited ถือหุ้นประมาณ 33.29% หรือ 20.51% หลังการเพิ่มทุน ทั้งนี้บริษัท Brookgrange มีนายอาลก และลูกชาย เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

คณะกรรมการบริษัท IVL มีความเห็นว่าการลงทุนใน IRSL มีความเหมาะสมและสมเหตุสมผล เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นตลาดโพลีเอสเตอร์ขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีอัตราการเติบโต 7% ต่อปี การลงทุนทางกลยุทธ์ครั้งนี้ จะช่วยให้ IVL สามารถก้าวเข้าไปในตลาดที่มีศักยภาพสูงในประเทศอินเดียในทันที และยังใช้ประโยชน์จากศักยภาพของประเทศที่มีประชากรมากถึง 1,200 ล้านคน รวมถึงยังช่วยเสริมกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บ้านและเครื่องนุ่งห่ม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลก สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยที่แตกต่างกันและมีมูลค่าเพิ่มสูง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2562 ทั้งนี้เป็นการลงทุนต่อจากการลงทุนในธุรกิจ PET ในประเทศอินเดียเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา