SCB ปี 61 กำไร 4 หมื่นล้าน ลดลง 7.1% รายได้โต-ค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ธนาคารไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิ 40,068 ล้านบาทในปี 61 ลดลง 7.1% โดยรายได้จากการดำเนินงานโตต่อเนื่อง มาจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น จากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อ 5-7% ในปี 2562

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีกำไรสุทธิ ปี 2561 จำนวน 40,068 ล้านบาท ลดลง 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 138,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโต 4.4% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง 4.7% จากปีก่อน เนื่องจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล การชะลอตัวของธุรกิจประกันภัย และการลดลงของค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้นจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการ Transformation ตลอดสามปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 46.8% ในปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ 45-47% ซึ่งคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อผลลัพธ์ของโครงการ Transformation ปรากฏเด่นชัดขึ้นตามลำดับตั้งแต่ปี 2562

ทางด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 7,084 ล้านบาท มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 8,871 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 147% เมื่อเทียบกับ 137% ในปีก่อน เพื่อรองรับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและความผันผวนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2562 รวมถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะเน้นการเติบโตของสินเชื่อไม่มีหลักประกันและสินเชื่อในรูปแบบดิจิทัล ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยความรอบคอบและระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2562 ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 5-7% มุ่งเน้นการขยายสินเชื่อของลูกค้าบุคคลและสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก อาทิ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล แสวงหาโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง และนำเทคโนโลยีดิจิทัลภายใต้โครงการ Transformation มาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้มีจำนวนผู้ใช้งานดิจิทัล 9 ล้านรายในปี 2561

นอกจากนี้ยังคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายหนี้สูญต่อสินเชื่อ (Credit cost) จะอยู่ในระดับ 1.15-1.35% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 1.15% ในปี 2561 และอัตราส่วน NPL อยู่ที่ 2.85% และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 17.1%

สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ธนาคารจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าจากโครงการ Transformation เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการผสมผสานความสามารถใหม่ต่าง ๆ ต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงพัฒนา ecosystem และแพลตฟอร์มเพื่อนำเสนอคุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลเป็น 12 ล้านรายภายในปี 2562

นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธุรกิจหลักของธนาคารยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่ากำไรสุทธิมีการปรับตัวลดลงในปี 2561 โดยธนาคารยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าและการใช้งานบนระบบดิจิทัลที่เติบโตอย่างมาก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับสูงจากการลงทุนในโครงการ Transformation ซึ่งคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ

สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ธนาคารมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าจากโครงการ Transformation ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่และส่งมอบคุณค่าที่แตกต่างให้กับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผลักดันแนวคิดและวิธีการทำงานที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมทั้งความรวดเร็วในการปรับตัว การเรียนรู้และการลองผิดลองถูก รวมถึงยึดมั่นในการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ท่ามกลางความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ธนาคารยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็น ‘ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด’ และเป็นผู้นำในการวางรูปแบบการดำเนินธุรกิจการธนาคารของประเทศไทยในอนาคต