“ทรีนีตี้” ยืนเป้า BBL 231 บาท หยวนต้า-เคทีบีลดเหลือ 240-242 บาท

หุ้นธนาคารใหญ่นำตลาด ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด หลังจากธนาคารทยอยแจ้งกำไรปี 2561 ออกมาโดยรวม พื้นฐานแข็งแรงขึ้น แม้ผิดหวังไตรมาส 4 จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และมีการปรับลดประมาณการในปี 2562 ลง

บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) ให้ราคาเป้าหมาย 231 บาท/หุ้น แม้ว่า กำไรไตรมาส 4 อยู่ที่กว่า 8,000 ล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาส 3 ถือว่าต่ำกว่าคาด ส่วนปี 2562 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตดี บวกกับสำรองหนี้ลดลง

ปัจจัยกดดันหลักไตรมาส 4 มาจากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากพรบ.คุ้มครองแรงงานใหม่เพิ่มอัตราชดเชยค่าเลิกจ้าง ทำให้มีค่าใช้จ่ายจากการประมาณการหนี้สิน ซึ่งมองว่าเกิดครั้งเดียวหรือเป็น One-time

ขณะที่รายได้หลัก ทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมยังเติบโตได้

ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลงเนื่องจากแนวโน้มเอ็นพีแอลดีขึ้น บวกกับสำรองครึ่งปีแรกค่อนข้างสูง

บล.หยวนต้า ปรับราคาเป้าหมายลงจาก 255 บาทเหลือ 240 บาท/หุ้น พลิกล็อคกำไรต่ำคาดไตรมาส 4 แต่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น จึงปรับประมาณการกำไรปี 2562-2563 ลดลง 5.5% และ 4.7% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนต่อการปรับลดสมมติฐานกำไรจากเงินลงทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Non-NII และปรับลดอัตราการขยายตัวของสินเชื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ ทำให้กำไรสุทธิปี 2562-2563 เป็น 3.7 หมื่นล้านบาท +5.4% และ 3.9 หมื่นล้านบาท +5.0% ตามลำดับ เลือกเป็น Top pick ของกลุ่มธนาคาร ด้วยปัจจัยบวกจาการดำเนินงานหลักที่สดใส และคุณภาพสินทรัพย์ที่แกร่ง

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” BBL เป็น Top pick ในกลุ่มธนาคารและปรับมูลค่าเหมาะสมลงมาอยู่ที่ 242 บาท จากเดิมที่ 250 บาท หลังปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ลง 3.6% จากการปรับการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงเหลือ 5% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 7% เนื่องจากปี 2561 ทำได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่า การเป็นพันธมิตรกับ AIA จะช่วยหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมให้เติบโตได้

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร คาดว่า จะเห็นการเติบโตของสินเชื่อที่ 5% จากสินเชื่อรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ และจะเห็นการเร่งเบิกจ่ายได้ดีในช่วงหลังเลือกตั้ง ซึ่ง BBL จะได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อรายใหญ่สูงที่สุดในกลุ่ม หากราคาหุ้นมีการปรับตัวลง มองเป็นจังหวะเข้าซื้อสะสมได้ มีการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นเหนือกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่