ผู้ถือหุ้น NOK โหวตเพิ่มทุนฉลุย ระดม 2,500 ล้านใช้หนี้-หมุนธุรกิจ

“นกแอร์”ผ่านวาระเพิ่มทุนฉลุย 908.79 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม 2.5 ต่อ 1 ราคา 2.75 บาท ขายแพงกว่าตลาด บริษัทจำเป็นต้องระดมทุน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ

นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ (NOK)เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 908.79 ล้านบาท เป็น จำนวน 3,408.05 ล้านบาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2.75 บาท ล่าสุดราคาปิดที่ 2.32 บาท

ประเวช องอาจสิทธิกุล

” บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพื่อให้มีเงินทุนเพียงพอรองรับแผนการดำเนินธุรกิจ นำไปสู่การหยุดขาดทุนภายในปีนี้ โดยเงินที่ได้รับครั้งนี้ประมาณ 2,500 ล้านบาท จะนำไปชำระหนี้ส่วนหนึ่ง ขยายการลงทุน เช่น การปรับปรุงฝูงบิน การขยายเส้นทางและเครือข่ายการบิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ท่ามกลางภาวะตลาดมีการแข่งขันอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันบริษัทเร่งดำเนินการแผนลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และเร่งปรับโครงสร้างองค์กร สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้อง “นายประเวชกล่าว

ส่วนกรณีที่มีผู้ถือหุ้นซักถามในที่ประชุมถึงการเพิ่มทุนบ่อยครั้งของบริษัท ก่อนหน้านี้มีการระดมทุนถึง 2 ครั้งนี้ จะมีครั้งต่อไปอีกหรือไม่ นานประเวชกล่าวว่า บริษัทจะต้องเพิ่มทุนตามความจำเป็น ครั้งนี้เพิ่มเงินกองทุน เพื่อไม่ให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเสี่ยงติดลบ จนนำไปสู่การถูกพักการซื้อขายหุ้น

สำหรับกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน มีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายประเวชกล่าวว่า ไม่มี และกรณีที่บริษัทตั้งราคาขายหุ้นเพิ่มทุนในราคาสูงกว่าตลาดในขณะนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าบริษัทได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสปรับตัวขึ้นกว่าในปัจจุบัน และการตั้งราคาขายหุ้นสูง ในสัดส่วน 2.5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกคน

ในที่ประชุมมีผู้ถือหุ้นซักถามว่า การเพิ่มทุนแบบนี้ จะทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ มีโอกาสซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิหรือซื้อหุ้นในส่วนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยสละสิทธิ จนทำให้การถือหุ้นข้ามผ่านจะต้องจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์หรือไม่

นายประะเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริษัท สายการบินนกแอร์ ตอบว่า ไม่ทราบการตัดสินของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยส่วนตัว คิดว่าไม่มีใครอยากทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์