เงินบาทแข็งพ่นพิษTU-PTTGC-DELTA

เงินบาทแข็งเกือบ10% ไตรมาส 1 กระทบความสามารถทำกำไรของบจ. แถมวัตถุดิบป่วนซ้ำ ไทยยูเนี่ยนฯต้องลดราคาขาย กดมาร์จิ้นหายไป 26% ส่วน พีทีที โกลบอลฯเจอขาดทุนสต็อกด้วย ค่าการกลั่นลด

ในไตรมาส 1/2561 เงินบาทแข็งค่ามากถึง 10.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และแข็งค่าต่อเนื่องจากไตรมาส4 ที่ผ่านมา อีก 4.3% ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกอาหารและอิเล็กทรอนิกส์อย่างชัดเจน

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU)มีกำไรสุทธิ 868 ล้านบาท ลดลงถึง 564 ล้านบาท หรือประมาณ 39.38% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,432 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายลดลง 5.5% มาอยู่ที่ 29,703 ล้านบาท
แต่หากไม่รวมเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายของบริษัทจะลดลงเพียง 2.8% เท่านั้น

” เงินบาทแข็งค่ามาก รวมกับปัญหาราคาวัตถุดิบปลาทูน่าที่ลดลงอย่างรวดเร็ว จนบริษัทต้องปรับลดราคาสินค้าและยังมีสต็อกวัตถุดิบที่มีราคาสูง ทำให้กำไรขั้นต้นลดลงถึง 26.2% จากปีก่อนเท่ากับ 3,360 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 11.3% จากปีก่อนอยู่ที่ 14.5% “บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป สรุป

สำหรับแนวโน้มในปีนี้ ยังมีมุมมองในเชิงบวกหลังประสบความสำเร็จในการเจรจาปรับราคาสินค้าผลิตภัณฑ์แบรนด์ในตลาดยุโรปและอเมริกา โดยราคาสินค้าใหม่มีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2/61 อีกทั้งต้นทุนราคาวัตถุดิบกุ้งและแนวโน้มตลาดอเมริกาที่มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงยังเดินหน้าแผนลดต้นทุน 1,000 ล้านบาทต่อเนื่อง

ด้านบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 12,388 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่เพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาส 4/2560 โดยมีรายได้จากการขาย 120,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน

สาเหตุที่ทำให้กำไรลดลงเป็นผลจากการที่เงินบาทแข็งค่าอย่างมาก ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีผลขาดทุนจากสต็อกเล็กน้อย พลิกจากกำไรสต็อกในปีก่อน ทำให้ค่าการกลั่นที่รวมลดลงมาที่ 6.04 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รวมถึงส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ลดลง แม้สเปรดผลิตภัณฑ์ HDPE ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจโอเลฟินส์จะสูงขึ้นก็ตาม ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ในช่วง 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ก่อนหน้านี้ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดเผย กำไรสุทธิ 1,058 ล้านบาท ลดลง 290 ล้านบาทหรือ ประมาณ 21.51% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า มาอยู่ที่ 31.5422 บาท จากระดับ 35.1060 บาท ในไตรมาสแรกของปี2560 และภาวะการขาดแคลน
วัตถุดิบบางรายการในกลุ่มชิ้นส่วนไฟฟ้าในตลาดโลก ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรสุทธิ