MBKET ปี 61 กำไรหด 38% เหลือ 391 ล้าน

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ปี 61 กำไรสุทธิ 391 ล้านบาท ลดลง 38.73% เหตุรายได้ค่านายหน้าหด 11% รายได้ค่าธรรมเนียมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาทางการเงินและค่าธรรมเนียมบริการอื่นลด

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET แจ้งผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีกำไรสุทธิ 391.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.69 บาท ลดงจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 638.63 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.12 บาท

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยว่า สาเหตุที่บริษัทฯ มีกำไรลดลงจากงวดปีก่อนจำนวน 247.34 ล้านบาท หรือลดลง 38.73% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากบริษัทฯ มีรายได้ค่านายหน้าลดลง 223.30 ล้านบาท จาก 1,977.90 ล้านบาท เป็น 1,754.60 ล้านบาท หรือลดลง 11.29% เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 268.95 ล้านบาท จาก 1,839.95 ล้านบาท เป็น 1,571.00 ล้านบาท หรือลดลง 14.62%

มนตรี ศรไพศาล

รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 25.85 ล้านบาท จาก 137.95 ล้านบาท เป็น 163.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.74% รายได้ค่านายหน้าอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการรายได้คานายหน้าจากการเสนอซื้อหลักทรัพย์จากประชาชนทั่วไปของลูกค้าเพิ่มขึ้น 19.80 ล้านบาท จากปีก่อนที่ไม่มีรายได้ดังกล่าว เป็น 19.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100%

รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 197.74 ล้านบาท จาก 273.23 ล้านบาท เป็น 75.49 ล้านบาท หรือลดลง 72.37% เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลง 147.68 ล้านบาท ที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 38.37 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 11.69 ล้านบาท นอกจากนี้รายได้อื่นลดลง 50.68 ล้านบาท จาก 1,009.96 ล้านบาท เป็น 959.28 ล้านบาท หรือลดลง 5.02% เนื่องมาจากกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ลดลง 80.13 ล้านบาท และรายได้อื่นลดลง 14.80 ล้านบาท ในขณะที่รายไดด้อกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 44.25 ล้านบาท

ส่วนค่าใช้จ่ายรวมลดลง 161.42 ล้านบาท หรือ 6.56% เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายอื่นลดลง 70.14 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 44.02 ล้านบาท หนี้สญู และหนี้สงสัยจะสญู ลดลง 22.86 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 18.38 ล้านบาท และ ต้นทุนทางการเงินลดลง 6.02 ล้านบาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 62.95 ล้านบาท หรือ 38.83% เนื่องมาจากการลดลงของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้