เตือนกลุ่มพลังงานยังไม่น่าซื้อ ราคาน้ำมันไปไม่ไกล กำไรบจ.ปีนี้ชะลอ

ราคาน้ำมันเด้งขึ้น นักวิเคราะห์แนะกลยุทธ์ ยังไม่ต้องรีบเข้าไปรับหุ้นพลังงาน ดีบีเอสคาดราคาในตลาดเบรนท์ ผ่าน 63 เหรียญสหรัฐยาก กำไรในไตรมาส 1 ยังไม่ดี แนะนำเงินไปหาโอกาสลงทุนจากหุ้นท่องเที่ยว นิคมฯ แบงก์ BBL เลือกหุ้นปันผล KKP-TISCO ดีกว่า บล.ไทยพาณิชย์คาดกำไรบริษัทปิโตรเคมี-น้ำมันจะชะลอตัวในปี 2562

ในช่วงนี้ จะเห็นว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มปตท.ปรับตัวลงแรง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าผันผวน และความกังวลเรื่องขาดทุนสินค้าคงคลังจะส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาส 4/2561 โดยบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ.(PTTEP) มีนัดจะประกาศผลประกอบการปี 2561 ในวันที่ 30 ม.ค. 2562 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ เกือบถึง 40,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามหุ้นในครอบครัวปตท. ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งหมด 7 บริษัท ส่วนใหญ่ ยังคงซื้อขายในราคาที่สูงกว่าสิ้นปีที่ผ่านมา ยกเว้น บริษัทไออาร์พีซี (IRPC)ที่ลดลงจากระดับ 5.75 บาทมาปิดที่ 5.65 บาท ใกล้เคียงกับราคาต่ำสุดที่ 5.50 บาทในรอบ 52 สัปดาห์ และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC)จากราคา 71.25 บาท ปิดที่ 67 บาท เทียบกับราคาต่ำสุดที่ 65.50 บาท ทำให้กลุ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)รวม 2.50 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 29 ม.ค. 2562 เปรียบเทียบกับสิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้น 71,295 ล้านบาท เติบโต 2.92%

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มพลังงาน ยังไม่น่าสนใจในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนจะซื้อขายหุ้นเป็นรอบ หากเข้าไปลงทุน อาจจะเสียโอกาสจากการทำกำไรในหุ้นที่นักลงทุนกำลังสนใจ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว หลังจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในเดือนธ.ค.2561 กลับมาเป็นบวก ส่งผลดีต่อหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย(AOT),บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW),บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN),บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY)รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการอีอีซี WHA,AMATA ขายที่ดินได้มากขึ้น และการลงทุนของรัฐ บริษัทรับเหมารายใหญ่ บริษัทช.การช่าง (CK) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) และธนาคารกรุงเทพ(BBL)

นอกจากนี้หุ้นธนาคารขนาดกลางก็น่าสนใจในเรื่องเงินปันผล คาดธนาคารเกียรตินาคิน(KKP)จ่ายอีกหุ้นละ 3 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.04% หลังจากจ่ายปันผลระหว่างกาลแล้ว 2 บาท บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จ่ายเงินปันผลปีละครั้ง คาดว่าจะจ่าย 5 บาท ให้ผลตอบแทนถึง 6%

“การลงทุนมีต้นทุนเสียโอกาส ไม่ต้องรีบซื้อหุ้นพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์เล่นเป็นรอบและดูกราฟเทคนิคประกอบ คาดราคาน้ำมันในตลาดเบรนท์ยังไม่ไปไหนไกล ส่วนราคาที่นักวิเคราะห์ให้เป็นเป้าหมาย 1 ปีข้างหน้า และความกังวลเรื่องผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/2561ไม่ดี ได้รับผลกระทบราคาน้ำมันที่ลดลงถึง 35% จากระดับ 82.73 เหรียญสหรัฐเมื่อสิ้นไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 53.8 เหรียญสหรัฐตอนสิ้นปีที่ผ่านมา เป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดขาดทุนสินค้าคงคลัง”น.ส.อาภาภรณ์กล่าว

ทั้งนี้ หากอยากซื้อหุ้น PTTEP ให้ซื้อถอยรับ ราคา 115 บาท รับ 110 บาท ถอยรับ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,550- 1,650 จุดในช่วงนี้

ส่วนราคาน้ำมันที่กระเตื้องขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการกลุ่มพลังงานในไตรมาส 1/2562 เทียบกับไตรมาส 4 /2561 มีโอกาสดีขึ้นแต่ไม่มาก คาดราคาน้ำมันที่ซื้อขายในตลาดเบรนท์คงยังไม่ผ่านระดับ 63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากฝ่าไปได้ขึ้นไปเล็กน้อยแถว 65.70 เหรียญสหรัฐ จะต้องติดตามดูว่าอุปทานยังคงสูงอยู่หรือไม่ จากปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกและสหรัฐอเมริกา ขณะที่ความต้องการมีแนวโน้มลดลง หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) มีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ จาก 3.7% เหลือ 3.5%

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ยังคงลดลง ส่งผลดีต่อกลุ่มปิโตรเคมี ในไตรมาส 1 ปีนี้ ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบลดลง โดยเฉพาะสายโอเลฟินส์ที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบ ทำให้ส่วนต่างหรือสเปรดดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 4

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย รับผิดชอบดูแลสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาก มีผลกระทบต่อหุ้นปตท.ไม่มาก เพราะธุรกิจมีการกระจายการลงทุนหลากหลาย ส่วนหุ้นเกี่ยวกับพลังงานและปิโตรเคมีปรับตัวลงแรง คาดว่าราคาน้ำมันยังคงผันผวน แต่ยังอยู่ในระดับสูง โดยบล.ไทยพาณิชย์อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการราคาน้ำมัน คาดว่าราคาซื้อขายในตลาดเบรนท์ไม่น่าจะเกิน 70 เหรียญสหรัฐ ส่วนปิโตรเคมี ส่วนต่างราคาก็ไม่น่าจะสูงกว่าในอดีต

“คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปิโตรเคมีและน้ำมันน่าจะชะลอตัวในปีนี้”นายสุกิจกล่าว