กลุ่มปตท.ฟื้น ตามราคาน้ำมัน ทิสโก้คาดตลาดไปไม่ไหวแนะทำกำไร

หุ้นบวก 2 ได้กลุ่มปตท.หนุน นำโดย PTTEP จากน้ำมันบวก ราคาลงลึกเกินไป PTTคาดกำไรยังไปได้ นักวิเคราะห์ 12 สำนักให้เป้าหมายเฉลี่ย 56.96 บาท กลุ่มปตท.เผยส่งเงินเข้ารัฐทั้งสิ้น 8.4 แสนล้านบาทนับตั้งแต่ปี 2544 ทิสโก้เผยดัชนีหุ้นไทยขึ้นแรง 5% คาดไปต่อได้ไม่มาก แนะนักลงทุนทยอยขายทำกำไรในช่วงหุ้นฟื้นตัว ส่วน ทรีนีตี้-เออีซี ยกหุ้นท่องเที่ยวโดดเด่น

วันที่ 4 ม.ค. ดัชนียังคงบวกต่อ 2 จุด ยืนเหนือ 1,653 จุด จากแรงซื้อของสถาบัน 1,996 ล้านบาท สวนทางต่างชาติขายออก 1,412 ล้านบาท โดยราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มพลังงานดูดี โดยเฉพาะบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) และหุ้นในกลุ่มปตท.เหตุราคาปรับตัวลงไปมาก ส่วนบริษัทปตท.( PTT) ปิดลดลง 0.25 บาทปิดที่ 49.25 บาท แม้คาดว่ากำไรปี 2561 ไม่ได้แย่มากก็ตาม นักวิเคราะห์ 10 ใน 12 สำนัก แนะนำซื้อ บล.ไทยพาณิชย์ให้เป้าหมายสูงที่สุด 64 บาท บล.ทิสโก้ TSC ให้ต่ำสุด 43 บาท และแนะนำเพียงถือ เช่นเดียวกับ
บล.เอเซียพลัส ราคาเป้าหมาย 56 บาท

บล.โกลเบล็ก แนะนำทยอยสะสมหุ้น บริษัทไทยออยล์(TOP) ให้ราคาเป้าหมาย 84 บาท แม้ผลการดำเนินงานในปี 2562 อาจดูไม่สดใสมากนัก คาดมีกำไรสุทธิ 12,211 ล้านบาททรงตัวจากปี 2561 แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก

บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) หลังปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 95 บาทเหลือ 84 บาท คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2561 ยังคงเติบโต 4% เป็น 40,965 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ เพิ่มขึ้น 18% เป็น 48,036 ล้านบาท และเชื่อว่าหากสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน คลึ่คลายลงจะส่งผลกระทบที่ทำให้ธุรกิจของ PTTGC ผ่อนคลายมากขึ้นในปี 2562

กลุ่มปตท.เปิดเผยข้อมูลการนำส่งรายได้เข้ารัฐในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้ รวมทั้งสิ้น 8.7 แสนล้านบาท ตั้งแต่ปี 2544 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2561 โดยกำไรสุทธิดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวประมาณ 20% เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย และการเจรจาสงครามการค้าเริ่มมีความคืบหน้า ส่งผลให้ราคาหุ้นทั่วโลกทยอยปรับขึ้น โดยตลาดหุ้น สหรัฐฯ (S&P500) เพิ่มขึ้นโดดเด่น 8% หุ้นจีน (HSCEI) เพิ่มขึ้น 9% และหุ้นไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 5% คาดว่าจะปรับขึ้นไปต่อได้ไม่มากนัก เพราะซึมซับข่าวบวกไปมากแล้ว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจประเทศต่างๆ เช่น จีน เกาหลี ไทย ยุโรป ญี่ปุ่นออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง มีความเสี่ยงที่หุ้นจะปรับฐานอีกครั้งในปี 2562 จึงแนะนำให้นักลงทุนอาศัยจังหวะที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว ทยอยขายทำกำไรออกมาก่อน

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ คาดหุ้นเดือนก.พ. แกว่งตัว มองแนวรับแรกที่ 1,600 จุด และแนวรับสำคัญที่ 1,570 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญประเมินที่ 1,670 จุด

ตลาดยังมีปัจจัยบวก เรื่องเงินทุนไหลเข้า นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาฟื้นตัวแล้ว ส่วนปัจจัยลบคือประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงถูกปรับลดลงและประเด็น Brexit อาจมีความวุ่นวายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แนะนำให้ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ปันผลสูง ที่ราคายังคงปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดและราคายังถูก กลุ่มธนาคาร เช่น BBL, KTB, TCAP และกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, SPRC, PTTGC กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, AAV, ERW, SPA, BEAUTY, DDD, TKN

บล.เออีซี มองหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังมีความชัดเจนเรื่องเลือกตั้ง นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนและน่าสนใจลงทุนที่สุดเมื่อเทียบกับในกลุ่ม TIPs (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) โดย ฟิลิปปินส์ มีพี/อี ปีนี้ที่ 17.3 เท่า, อินโดนีเซียพี/อี 14.8 เท่า และไทยพี/อี 14.1 เท่า

แนะนำกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ CENTEL, ERW และ AOT กลุ่มจำนำทะเบียนรถ แนะนำ SAWAD, MTC และ AMANAH กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค แนะนำ AMATA, WHA และ EASTW