ZEN ฟุ้งสถาบันจองล้นเกิน 10 เท่า – IPO 13 บาท ส่วนลด 20 %

ZEN ฟุ้ง สถาบันต้องการจองล้นเกินกว่า 10 เท่า มั่นใจพื้นฐานดี ชี้ราคา 13 บาท ให้ส่วนลด 20% “บุญยง ตันสกุล” เผยปีนี้ขยายตลาดเชิงรุกทั้งลงทุนเอง และขยายแฟรนไชส์

นายพงศ์ศักดิ์ พฤษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) เปิดเผยว่า ราคาขายหุ้นที่กำหนด 13 บาท เป็นระดับราคาที่เหมาะสม เพราะมาจากการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) ช่วงราคา 12.70-13.00 บาท แสดงความสนใจที่ราคาสูงสุดเกินกว่า 10 เท่าของหุ้นที่จัดสรรให้สถาบัน 43 ล้านหุ้น หรือ 57 % ของหุ้น IPO ทั้งหมด 75 ล้านหุ้น

นอกจากนี้ ราคาเสนอขาย 13 บาท เป็นราคาที่มีส่วนลด 20 % จากราคาพื้นฐาน 17 บาท ที่ประเมินโดยฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทย ขณะที่ค่าพี/อี เรโช หากพิจารณาจากผลดำเนินงานของปี 2562 จะอยู่ที่ 19.9 เท่า เทียบกับหุ้นในอุตสาหกรรมอาหารจะมีค่าพี/อี เรโช อยู่ที่ 27 เท่า ประกอบกับขณะนี้ตลาด IPO เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) ที่เข้ามาซื้อขายล่าสุดราคาก็สูงกว่าจอง

นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ZEN เป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว มีการเติบโตของรายได้และกำไรช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 20% ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง มาจากการขยายสาขาและมีแบรนด์สินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงกำลังซื้อมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากปัจจัยการเมืองมีทิศทางดีขึ้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจอาหารของบริษัท

ทั้งนี้ ZEN จะขายหุ้น IPO วันที่ 7 ,8 และ 11 ก.พ.นี้ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 20 ก.พ.นี้

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า เงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO บริษัทจะนำไปขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในปีนี้วางกลยุทธ์ขยายตลาดในเชิงรุก ทั้งการลงทุนเอง และขยายแฟรนไชส์

ปี 2562 วางแผนขยายร้านอาหาร 123 สาขา แบ่งเป็นการขยายสาขารูปแบบเดิม และรูปแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กลง จะเป็นการลงทุนเอง 36 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 87 สาขา ส่วนในปี 2563 จะขยายร้านอาหารรวมประมาณ 225 สาขา แบ่งเป็นลงทุนเอง 50 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 175 สาขา

ZEN ปัจจุบันมีร้านอาหารรวม 12 แบรนด์ แบ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น 6 แบรนด์ และกลุ่มร้านอาหารไทย 6 แบรนด์ ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีร้านอาหารในไทยและต่างประเทศรวม 255 สาขา แบ่งเป็นกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารไทย 167 สาขา และกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น 88 สาขา โดยแบ่งเป็นร้านอาหารที่กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ 110 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 145 สาขา

นายบุญยง กล่าวอีกว่า บริษัทได้นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร จะช่วยทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง ขณะที่ธุรกิจนี้มีการเติบโตปีละประมาณ 10% ส่วนแผนการหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่ม ก็ยังมองหาโอกาส แต่คงจะเกิดขึ้นในอนาคต