PSL ลั่นเทิร์นอะราวด์ ปี’61 พลิกกำไร 456 ล้านบาท ค่าระวางดีขึ้น

‘พรีเชียส ชิพปิ้ง’วิเคราะห์ธุรกิจเรือเทกองมั่นใจปี 2562-2563 เป็นปีที่ดี หากอุปสงค์และอุปทานโตตามคาด ค่าระวางเรือฟื้นต่อเนื่อง การต่อเรือใหม่อยู่ในระดับเกือบจะต่ำที่สุดในประวัตศาสตร์

บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL)คาดว่าปี 2562 และ 2563 น่าจะเป็นปีที่ดี หากบทวิเคราะห์ของบริษัทในเรื่องอุปสงค์เพิ่มขึ้น 3-4% และอุปทานในกลุ่มสินค้าแห้งเทกองเป็นจริงตามที่คาดไว้

ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 456 ล้านบาทเป็นปีแรกหลังจากประสบปัญหาขาดทุนมานาน จำนวน 129 ล้านบาทและ 2,664 ล้านบาทในปี 2560 และ 2559 ตามลำดับ เป็นผลจากมีรายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง)เพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากปี 2560โดยสาเหตุหลักเนื่องมาจากรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลําเรือเพิ่มขึ้นจาก 9,486 เหรียญสหรัฐในปี 2560 เป็น 11,063 เหรียญสหรัฐในปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองปรับตัวดีขึ้น มาอยู่ที่ 1,353 1,145 และ 673 ตามลำดับ ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 กองเรือของบริษัทฯ มีจํานวน 36 ลำ

บริษัทฯ ได้บันทึกกำไรจากการขายเรือและอุปกรณ์จำนวน 32.15 ล้านบาท ในปี 2560 ไม่มีการบันทึกกำไรดังกล่าวในปี 2561

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินเรือในปี 2561 ลดลง 3% จากปี 2560 โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินจากสกุลเหรียญสหรัฐเป็นสกุลบาทได้ลดลง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ (รวมค่าเสื่อม/ค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือ) เพิ่มขึ้นจาก 4,355 เหรียญสหรัฐในปี 2560 เป็น 4,621 เหรียญสหรัฐในปี 2561 สาเหตุหลักเนื่องมาจกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือเพิ่มขึ้น

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจำนวน 34.52 ล้านบาทจากปี 2560 สาเหตุหลักจากค่าธรรมเนียมวิชาชีพและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับอู่ต่อเรือ Sainty อีกทั้งค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง 22.52 ล้านบาท จากปี 2560 เนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าสกุลเหรียญสหรัฐเป็นเงินบาทลดลง

ในปี 2561 เป็นปีที่เจ้าของเรือต่างๆยังสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ตอนต้นปีก็ตาม ซึ่งอุปสงค์แข็งแกร่งกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ แต่ระหว่างปีมีปัญหาทางภูมิศาสตร์การเมือง ความตึงเครียดทางการค้าเกิดขึ้น

ส่วนแนวโน้มในปี 2562 และ 2563 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)คาดเศรษฐกิจโลกขยายตัวอยู่ที่ 3.5% และ 3.6% หลักการวิเคราะห์พบว่าการขยายตัวของปริมาณอุปสงค์ในแง่ตัน/ไมล์จะอยู่ที่ประมาณกว่า 4.5% ในแต่ละปี DNB Markets ได้ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2562 ว่าการขยายตัวของปริมาณอุปสงค์ในแง่ตัน/ไมล์จะอยู่ที่ 3.9% ในปีนี้

การวิเคราะห์อัตราการขยายตัวกองเรือสุทธิที่ 3.06% ในปีนี้ จะมีกองเรือโลกขนาดอยู่ที่ 862.03 ล้านเดทเวทตัน และ 3.26%ในปีหน้าจะมีกองเรือโลกอยู่ที่ 890.13 ล้านเทเวทตัน บริษัทยังไม่รวมปัจจัยที่จะกดดันให้มีการรีไซเคิลเรือ เนื่องจากการบังคับติดตั้งระบบจัดการน้ำถ่วงเรือและกฎเกณฑ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ(IMO2020)

ที่ผ่านมาปริมาณการต่อเรือใหม่อยู่ในระดับที่เกือบจะต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีอัตราส่วนปริมาณการสั่งต่อเรือกองเรือปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 10.52% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นอันดับสองในช่วงศตวรรษนี้ (ระดับต่ำสุดในปี 2545 อยู่ที่ 8.38%) หากพิจารณาเฉพาะเรือที่มีอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าบนเรือ ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับกองเรือของบริษัทฯจะเห็นว่าอัตราส่วนปริมาณการสั่งต่อเรือต่อกองเรือปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 5.75% ถือว่าต่ำกว่าอัตราส่วนของกองเรือโลกและต่ำที่สุดในศตวรรษ