NER กำไรพุ่ง 1 เท่าตัว ลุ้นพ้นจอง ตั้งเป้าปี 62 โตต่อเนื่อง 20%

HoonSmart.com>> NER หุ้นน้องใหม่สอบตกปี 61 โชว์กำไรโตแรง 117% อานิสงส์ กำไรขั้นต้น-ยอดขายพุ่ง ราคาซื้อยางลดลง เตรียมปันผล 13 สตางค์ เปิดแผนปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 20% ส่วน OSP เหนือจอง “รัตน์ โอสถานุเคราะห์” ถือโอกาสขายวันเดียว 3.82 แสนหุ้น กำเงินสด 10 ล้านบาท

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เป็นหุ้นที่ทำให้คนจองซื้อไอพีโอเจ็บหนักมาก วันแรกของการเข้าซื้อขายใน SET ปิดที่ 2.06 บาท ต่ำจองถึง 20% มาถึงวันนี้ราคายังไม่เคยถึงราคาไอพีโอที่ 2.58 บาท แต่ไม่ใช่ว่าปัจจัยพื้นฐานไม่ดี บริษัทพิสูจน์ผลงาน ในปี 2561 มีกำไรสุทธิถึง 486 ล้านบาท โตแรง 117% “ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ “ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ 12,000 ล้านบาท เติบโต 20% แนวโน้มราคายางที่เป็นขาขึ้น ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น และมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น เตรียมเปิดตลาดส่งออกไปยุโรปให้ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป 3 รายมาตรวจสอบมาตรฐานโรงงาน หนุนผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัวปี 63

ส่วนโอสถสภา(OSP) ราคากลับมาเหนือไอพีโอที่ 25 บาท “รัตน โอสถานุเคราะห์” ถือโอกาสขายวันเดียว 7 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 382,000 หุ้น รับเงินสด 10 ล้านบาท ก่อนหน้ารับสิทธิเงินปันผลหุ้นละ 0.30 บาทแล้ว

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ แจ้งผลประกอบการปี 2561 กำไรสุทธิ 486.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 262.33 ล้านบาท หรือ 117 % จากช่วงเดียวกันปี 2560 ที่มีกำไร 224.12 ล้านบาท มีรายได้รวม 10,084 ล้านบาท โดยเป็นรายได้การขาย 10,056.20 ล้านบาท หรือ 99.72 % ของรายได้รวม มีกำไรขั้นต้น 1,039.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351.39 ล้านบาท หรือ 51 % โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 11.56 % เพิ่มขึ้นจาก 5.17 % ของรายได้จากการขายปี 2560

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ เปิดเผยว่า แผนงานปี 2562 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 20% ภายใต้คาดการณ์ปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูปเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 แสนตัน จากปีนี้ 2.2 แสนตัน ตามความต้องการยางในตลาดโลกจะเติบโตตามปกติในแต่ละปีราว 2-5% โดยบริษัทเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเจรจากับลูกค้าจีน 3 รายที่คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อรวมกันราว 1.5 หมื่นตัน/ปี และวางแผนขยายตลาดลูกค้าสิงคโปร์เพิ่ม โดยปัจจุบันบริษัทมีการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้าไปแล้วกว่า 11 ราย จากที่มีอยู่ 8 ราย ทำให้บริษัทมีลูกค้าที่รอรับรู้รายได้ที่แน่นอนส่วนหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นขอให้ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป 3 ราย เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการผลิตของโรงงานและผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับการรุกเปิดตลาดส่งออกไปยังยุโรปเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านมาบริษัทได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากบริดจสโตนทำให้บริษัทสามารถส่งออกสินค้าไปขายในจีนและภูมิภาคเอเชียได้ดี คาดว่าการตรวจสอบและขั้นตอนต่าง ๆ น่าจะใช้เวลาราว 1 ปี หรือรู้ผลในปี 63 ซึ่งทันเวลารองรับปริมาณผลผลิตที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 63