บลจ.ทิสโก้ ชี้กองทุนทั่วโลกถือเงินสดสูงรอบ 10 ปี เชื่อเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่เด่น

HoonSmart.com >> บลจ.ทิสโก้ ชูตลาดหุ้นเกิดใหม่โดดเด่นปีนี้ เชื่อเงินไหลเข้าหลังดอลลาร์อ่อนค่า เจรจาการค้าสหรัฐและจีนส่งสัญญาณบวก ดึงเม็ดเงินกองทุนทั่วโลกกลับเข้าตลาดหุ้น หลังเดือนม.ค.กอดเงินสดสูงสุดรอบ 10 ปี ส่วนหุ้นไทยปีนี้เป้า 1,750-1,800 จุด ชูกลุ่มเกี่ยวข้องบริโภคในประเทศ ลงทุน ท่องเที่ยว

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่าปี 2562 แนวโน้มเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจะส่งผลให้เงินไหลกลับเขาตลาดหุ้นเกิดใหม่ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณจากตลาดหุ้นในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด แต่หลายตลาดยังมีระดับราคาต่อกำไร (พี/อี) ไม่แพงและน่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ ยังสามารถลงทุนได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาถูกเทขายออกไปมาก ดังนั้นสัญญาณที่ดีจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

“เราเชื่อว่าปีนี้ยังไม่เห็นเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำ (Recession) ภาพรวมเศรษฐกิจยังเติบโต แม้จะน้อยลงจากปีก่อน ข้อมูลจากดอยซ์แบงก์ ณ เดือนก.พ.62 เศรษฐกิจโลกเติบโต 5.2% จากปีก่อนเติบโต 3.8% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้คาดเติบโต 2.5% จากปีก่อนโต 2.9% เป็นต้น ขณะที่แนวโน้มผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก (MSCI World Index) ยังขยายตัว 11.57% ในปีนี้และปีหน้า 9.6% แม้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งอยู่ระดับ 22.53%”นายสาห์รัช กล่าว

ด้านนโยบายการเงินทั่วโลกกลับมาผ่อนคลาย โดยตลาดคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงดอกเบี้ยตลอดปี 2562 ผลพวงจากสงครามการค้าทำให้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อ่อนตัวลงทั่วโลก ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราส่วนเงินกันสำรองขั้นต่ำ (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ 560 พันลานหยวน และคาดว่าจะออกมานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลง


นายสาห์รัช กล่าวว่า ข้อมูลการถือครองเงินสดของผู้จัดการกองทุนทั่วโลก จากการสำรวจของเมอร์ริลลินช์ พบว่าในเดือนม.ค.ที่ผ่านมามรการถือครองเงินสด 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 (พ.ศ.2552) จึงมองว่าจากนี้หากเศรษฐกิจมีสัญญาณที่ดี การเจรจาการค้าสหรัฐและจีนเป็นบวก เม็ดเงินเหล่านี้จะกลับเข้ามาลงทุน หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น

“ปีนี้เราชอบตลาดหุ้นเกิดใหม่ จีน ไทย หากมองเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม แนะนำ เฮลธ์แคร์ ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากกำไรบริษัทในกลุ่มเฮลธ์แคร์ใน S&P500 ค่อนข้างมีเสถียรภาพ กำไรไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลง และปีนี้ตลาดหุ้นสหรัฐก็ยังคงเผชิญความผันผวนอยู่มาก กุ่มเฮลธ์แคร์จึงยังคงน่าสนใจ ถึงแม้ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐในปีนี้คงไม่หวือหวาเหมือนตลาดเกิดใหม่ “นายสาห์รัช กล่าว

อย่างไรก็ตามนอกจากบลจ.ทิสโก้จะมีกองทุนโกลบอล เฮลธ์แคร์แล้ว ได้เปิดตัวกองทุนโกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์แคร์ ซึ่งนอกจากลงทุนในหุ้นบริษัทเฮลธ์แคร์แล้วยังกระจายลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีตอยโจทย์การให้บริการทางการแพทย์

นายสาห์รัช กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ยังมองในมุมบวกแม้อัพไซด์ของตลาดไม่มาก แต่เป็นตลาดค่อนข้างเสถียร อีกทั้งปีที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวลงมาก ซึ่งหากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหากมีทิศทางที่ดีก็จะหนุนตลาด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ระดับต่ำคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี หรือหากจำเป็นต้องขึ้นจริงๆ ก็น่าจะเห็นในไตรมาส 4 ของปีนี้เพียงหนึ่งครั้ง รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศที่คาดว่าจะหนุนบรรยากาศลงทุนก่อนการเลือกตั้งคึกคัก แต่หลังการเลือกตั้งยังคงต้องจับตาดูรัฐบาลชุดใหม่ โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีไว้ที่ 1,750-1,800 จุด

“นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกไปจนเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจึงมองตลาดหุ้นค่อนข้างมีเสถียรภาพและน่าจะยืนได้ โดยหุ้นกลุ่มที่ยังน่าสนใจในปีนี้ ได้แก่ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ, การลงทุนภาครัฐ และโครงการลงทุน EEC ซึ่งยังต้องเดินหน้าต่อไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนจะเข้ามาบริหารประเทศ รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้น ส่วนกลุ่มที่ไม่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มส่งออก กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมองระดับ Neutral จากค่าธรรมเนียมที่ลดลง”นายสาห์รัช กล่าว