ฟิทช์คงเครดิตTOPที่AA-

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งมองบวกไทยออยล์ ธุรกิจแข็งแกร่ง หนี้สินต่ำ กระแสเงินสดเพียงพอรองรับแผนลงทุนโครงการใหญ่ แต่เสี่ยงเรื่องมีฐานการผลิตเดียว ลูกค้ากระจุกตัว ขายส่วนใหญ่ให้ปตท.

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ที่ระดับ ‘AA-(tha)’, อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ระดับ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

การคงอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการดำเนินธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำในปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการรองรับการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิต แผนลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณา

ความสามารถในการลงทุนโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้น ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ TOP จะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 2.3 – 2.5 หมื่นล้านบาทในปี 2561 – 2562 จากระดับสูงที่ 3.6 หมื่นล้านบาทในปี 2560 เนื่องจากการที่อุปทานลดลงชั่วคราว จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ และแรงกดดันต่ออัตราส่วนกำไรของธุรกิจการกลั่นน้ำมัน จากกำลังการกลั่นใหม่ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนที่อยู่ในแผนและเงินปันผลในปี 2561 เป็นผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานน่าจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำในปี 2561 หลังจากที่ลดลงมาอยู่ที่ 0.1 เท่าในปี 2560 จากปี 2559 อยู่ที่ 0.6 เท่า ส่งผลให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่จะรองรับการลงทุนเพิ่มเติม และความผันผวนของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบได้ในระดับหนึ่ง

TOP มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาได้แก่โครงการ Clean Fuel Project (CFP) จะช่วยเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ และเพิ่มหน่วยเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูง บริษัทฯคาดว่าจะสรุปแผนการลงทุน ได้ภายในสิ้นปี 2561 ฟิทช์จะทบทวนผลกระทบของโครงการที่มีต่อสถานะทางเครดิตของบริษัทฯ เมื่อ บริษัทฯ มีข้อสรุปมูลค่าโครงการและโครงสร้างเงินลงทุนดังกล่าว

“TOPมีข้อได้เปรียบเรื่องโรงกลั่นที่มีการผลิตแบบคอมเพล็กซ์และต้นทุนต่ำ การมีธุรกิจที่หลากหลาย บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของวัฏจักรของธุรกิจ และความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ความผันผวนของรายได้ค่าการกลั่น ราคาน้ำมัน และความต้องการเงินทุนหมุนเวียน อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไร และกระแสเงินสดของบริษัทฯ อีกทั้ง TOP ยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวด้านการตลาด เนื่องจากยอดขายส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับ บริษัท ปตท. แต่ความเสี่ยงได้ถูกบรรเทาลงจากการที่ ปตท. มีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย” บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุ

นอกจากนั้น TOPยังมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 6.5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งมากเพียงพอที่จะรองรับหนี้สินจำนวน 2,500 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้า คาดการณ์กระแสเงินสดสุทธิ น่าจะเป็นบวกในปี 2561 วงเงินกู้ที่มีกับ ปตท. จำนวน 2,000 ล้านบาท วงเงินกู้จากสถาบันการเงิน รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีความสามารถในการระดมทุนผ่านตลาดทุน TOP ยังมีภาระการชำระคืนหนี้ที่จัดการได้ง่าย โดยมีอายุเฉลี่ยของหนี้ที่ครบกำหนดชำระประมาณ 10.8 ปี