บลจ.ทาลิสคงเป้าหุ้นปีนี้1,850-1,900จุด

บลจ.ทาลิส คงเป้าหุ้นไทย 1,850-1,900 จุด มองเงินลงทุนโครงการขนาดใหญ่หนุนเศรษฐกิจโต กำไรบจ.ดีอานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แนะเข้าเก็บหุ้นชี้ราคาหุ้นไม่แพง

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,850-1,900 จุด พี/อี 17-18 เท่า แม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากาดหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 9 หมื่นล้านบาทในปีนี้ แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโต 4.2% และปีหน้า 4.4%

“ฟันด์โฟลว์คงยังไหลออกต่อเนื่องหากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า แต่หุ้นไทยไม่ลง เหมือนในอดีตปีที่ฟันด์โฟลว์ไหลออกสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท หุ้นก็ยังบวก จึงมองว่าหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงเงินลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเริ่มทยอยเข้าสู่ระบบส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นยุคที่ 2 ของการลงทุนครั้งใหญ่ของประเทศ หลังจากหายไปนานกว่า 10 ปี”นายประภาส กล่าว

อย่างไรก็ตามหากเกิดปัจจัยลบจากต่างประเทศ สงครามการค้ารุนแรง รวมถึงมีการเลื่อนการเลือกตั้งในประเทศออกไปเป็นปี อาจเห็นดัชนีปรับตัวลดลง โดยมองแนวรับในกรอบ 1,650-1,700 จุด พี/อี 15-16 เท่า

สำหรับมุมมองของนักลงทุนที่กังวลตลาดจะปรับตัวลงจากวิกฤตที่ในอดีตมักจะเกิดขึ้นในรอบ 10 ปีนั้น นายประภาส มองว่า เศรษฐกิจโลกเพิ่งเริ่มฟื้นตัว แม้ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นก็ยังไม่เป็นความเสี่ยงน่าจะทยอยขึ้นดอกเบี้ย จึงมองว่าหากวิกฤตจะเกิดขึ้นจริงไม่น่ามาจากเศรษฐกิจ แต่จะมาจากด้านอื่น จึงมองครึ่งปีหลังยังดี ดอกเบี้ยในประเทศยังต่ำ แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นและหลายๆบริษัทลงทุนต่างประเทศก็ได้ผลดีจากเศรษฐกิจประเทศอื่นๆที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่มูลค่าหุ้นไทยยังไม่แพงยังสามารถลงทุนได้

นอกจากนี้บริษัทคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2560-2572 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ย 4.94% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยเติบโตปีละ 7.51% คิดเป็น 1.52 เท่าของจีดีพี โดยคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.92% จากกำไรสุทธิ 9.81 แสนล้านบาท ในปี 2560 เพิ่มเป็น 3.05 ล้านล้านบาทในปี 2572 ดังนั้นหากเทียบพี/อี 14 เท่า ดัชนีจะอยู่ที่ 4,181 จุด


ปัจจุบันบลจ.ทาลิส บริหารพอร์ตกองหุ้นไทยประมาณ 5,733 ล้านบาท ทั้งในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนรวมหุ้นไทยที่ครอบคลุมทั้งหุ้นใหญ่ หุ้นกลาง-เล็ก หุ้นปันผล และหุ้นธรรมาภิบาล โดยหุ้นที่อยู่ในโมเดลพอร์ตการลงทุนจะครอบคลุมทุก Sector หลักและเป็นหุ้นที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ทั้งนี้ ในการคัดสรรหุ้น จะเลือกหุ้นของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดี มีอัตราส่วน ROE / ROI สูง และมีแนวโน้มของการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะทำการตรวจสอบความเสี่ยง และติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ได้มีการตั้งเป้าการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวเฉลี่ยปีละ 10%

สำหรับผลดำเนินงานกองทุนรวมภายใต้การบริหารของบริษัทในปีค่ผ่านมาชนะดัชนีอ้างอิงทุกกองทุน ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ