2562 ปีพิเศษของ SISB ปันผลได้ -ไต่ขึ้น SET-มาร์จิ้นโต-ไม่ต้องจ่ายดบ.

HoonSmart.com>> บริษัท เอสไอเอสบี (SISB)โรงเรียนนานาชาติ ใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่ม 5 โรงเรียน กว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี เพราะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย…

หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนมาตรฐานการบันทึกบัญชีใหม่เป็น TFRS15 ทำให้คุณสมบัติหุ้นตกชั้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายได้เพียงตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)เท่านั้น เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2561 แต่บริษัทไม่ย่อท้อ ยังคงเดินหน้าปรับปรุงพื้นฐาน เพื่อให้ทุกอย่างวิ่งเข้าสู่เป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะเรื่องการล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 71.01 ล้านบาท และการเลื่อนชั้นหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)

ยิว ฮอค โคว

“ยิว ฮอค โคว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี (SISB) ให้สัมภาษณ์ WWW.HoonSmart.com ว่า คณะกรรมการบริษัทฯ เพิ่งมีมติเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา ให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 18 เม.ย. 2562 พิจารณาและอนุมัติการนําทุนสํารองตามกฎหมายจํานวน 21.72 ล้านบาท และส่วนล้ำมูลค่าหุ้นจำนวน 49.29 ล้านบาท ล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ในงวดระหว่างกาลปี 2562 หากมีกำไรอย่างที่คาดการณ์ไว้ และหุ้น SISB สามารถย้ายเข้าซื้อขายใน SET ได้ตามเป้าหมายตั้งแต่ครั้งแรกของบริษัท

จุดเด่นของ SISB คือ มีรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง 16 ปี เริ่มตั้งแต่นักเรียนเข้าเรียนชั้นอนุบาล 4 ปี ระดับประถมศึกษา 6 ปี มัธยมศึกษาปีที่ 1-4 และมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 โดยไม่ลาออกระหว่างทาง ทำให้ธุรกิจมีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง

“นอกจากนักเรียนไม่ลาออกกลางเทอมแล้ว SISB ยังมีข้อดีที่นักเรียนสามารถสมัครเข้ามาเรียนระหว่างทางได้ เช่น เด็กย้ายมาจากต่างประเทศ ทำให้ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมามีนักเรียนเข้าใหม่ มากกว่า 50 คน ตอนนี้มีนักเรียนทั้งหมดกว่า 2,300 คน ยังไม่นับรวมอีก 140 คนของโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เชียงใหม่ที่เป็นกิจการร่วมค้า บริษัทถือหุ้น 50% โดยในแต่ละปีมีนักเรียนเข้าใหม่ประมาณ 200-250 คน ”

ในปี 2562 บริษัทยังปลอดหนี้ด้วย หลังจากนำเงินที่ระดมทุนจากประชาชนครั้งแรก(ไอพีโอ) ชำระหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งหมด 600 ล้านบาท ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ปีละ 30 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทผ่านการลงทุนสร้างโรงเรียน สร้างอาคาร เป็นต้นทุนคงที่แล้ว ในอนาคตมีค่าใช้จ่ายไม่มาก จะมีกำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30% ส่วนเงินทุนที่เหลือจากไอพีโอเกือบ 700 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษาในปี 2564 เป็นต้นไป

แต่ยอมรับว่าภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น จากการมีโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่ ทำให้ SISB ต้องมีการลงทุนตลอดเวลา เพื่อสร้างอนาคตของประเทศไทย ทั้งการพัฒนาบุคคลากร พัฒนาหลักสูตร รวมถึงปรับปรุงอาคารและสถานที่ ทำทุกอย่างให้ทันสมัย จูงใจให้เด็กเข้ามาเรียนมากขึ้น และหลักสูตรที่พัฒนา ยังมีส่วนช่วยให้รายได้บริการศึกษาเฉลี่ย/คน/ปี ดีขึ้นจากปี 2561 อยู่ที่ 0.42 ล้านบาท

สรุปโดยรวมแล้ว ในปี 2561 กำไรที่เกิดขึ้น 103 ล้านบาท เป็นผลงานปกติ และจะมากขึ้นทุกๆปี แต่จะไม่โตก้าวกระโดดเกือบ 5 เท่าเหมือนปีก่อน เพราะฐานกำไร 17 ล้านบาทในปี 2560 ได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ นักลงทุนจะต้องดูตัวเลขกำไรสุทธิเป็นหลัก แนวโน้มที่เติบโต ส่งผลให้หุ้น SISB เป็นที่ต้องการของนักลงทุนสถาบัน ส่วนนักลงทุนรายบุคคล จำนวนน่าจะลดลงเหลือประมาณ 4,000 คน จากข้อมูลไอพีโอเคยมีมากกว่า 5,000 คน

ราคาหุ้น SISB ที่ขึ้นมาทะลุ 6 บาทอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้นักลงทุนมีความรู้สึกเสียดาย(ที่ขายหุ้นไปแล้ว) แต่อาจจะยังไม่สายเกินไปที่จะหาโอกาสซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว