ALL อสังหาฯครบวงจร หุ้นเติบโตสูง

HoonSmart.com>>”ออลล์ อินสไปร์” เดินสายพบนักลงทุนสถาบันเม.ย. ขายไอพีโอ 150 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรด mai ต้นเดือนพ.ค. “ธนากร”ชูจุดแข็ง อสังหาริมทรัพย์ครบวงจร แหล่งรายได้กระจาย กำไรโตก้าวกระโดด พันธมิตรญี่ปุ่นช่วยลดต้นทุนการเงินโครงการจาก 6 % เหลือ 4% มีงานในมือรอรับรู้กว่า 6,000 ล้านบาท ปีนี้เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 18,250 ล้านบาท เป้าหมายท็อปเทนอสังหาฯ ชั้นนำเมืองไทย

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า บริษัท ออลล์ อินสไปร์ฯ เตรียมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก(ไอพีโอ)จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 1 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ(mai)โดย ALL เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร คือ การหาซื้อที่ดินมาพัฒนาและขายเอง ซึ่งเป็นรายได้หลัก และยังมีธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ผ่านบริษัทย่อย ไทย ดี เรียลเอสเตท (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จภายใต้ชื่อ “Rise Venture” และธุรกิจบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ

“เรามีโมเดลธุรกิจด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทุกโครงการของออลล์ อินสไปร์ฯให้ความสำคัญกับ ราคา ทำเล และดีไซน์ คือห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเกิน 500 เมตร หรืออยู่ในซอย ทำให้ราคาจับต้องได้ ห้องมีขนาดใหญ่ ออกแบบที่ทันสมัย เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน ขณะเดียวกันธุรกิจต่างๆสามารถต่อยอดกันได้ เราตั้งบริษัทเพื่อทำการตลาดในต่างประเทศเอง และยังรับจ้างขายให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆด้วย ทำให้เรารู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าต่างประเทศ สามารถนำมาวิเคราะห์และเปิดโครงการใหม่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ส่วนธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาฯเกิดขึ้นมาเพราะมองเห็นโอกาส จากการที่มีนักพัฒนาอสังหาฯรายย่อยจำนวนมาก เมื่อเปิดโครงการแล้ว เหลือ 30-50% ส่วนหนึ่งอาจจะหมดงบทำการตลาด เราก็ไปเจรจาขอซื้อยกล็อต เลือกห้องที่ดี บริษัทสามารถต่อรองได้เงื่อนไขที่ดี ดาวน์น้อย โอนยาว นำมาตกแต่งเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา ดีกว่าการเทคโอเวอร์ทั้งโครงการที่ใช้เงินลงทุนเยอะและเสี่ยง ได้ทั้งห้องที่ดีและไม่ดี”นายธนากรกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตรต่างประเทศที่ดีด้วย จากสิงคโปร์ และญี่ปุ่น โดยร่วมลงทุนพัฒนาโครงการลักซูรี เรสสิเดนท์ แบรนด์”อิมเพรสชั่น เอกมัย” มูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท กับยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี พันธมิตรยังช่วยให้ต้นทุนทางการเงินลดลงด้วย จากที่บริษัทเคยจ่ายประมาณ 6 % ก็ลดลงเหลือ 4%

นายธนากร กล่าวว่า บริษัทเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ในอัตราเร่ง ทุกโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและนักลงทุน ส่งผลให้การดำเนินงานและเติบโตแบบก้าวกระโดด ในปี 2561 มีรายได้รวม 2,343 ล้านบาท พุ่งขึ้น 228% จากจำนวน 714 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 323% จากกำไรสุทธิ 81 ล้านบาทในก่อนหน้านี้ รายได้ในปี 2561 มาจากธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 1,978 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ 204 ล้านบาท และรายได้อื่น มูลค่า 160.6 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 84%, 9% และ 7% ของรายได้รวมตามลำดับ และ ณ สิ้นปี 2561 บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) จำนวน 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,354 ล้านบาท ปัจจุบันมีทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่า 18,135 ล้านบาท

ส่วนในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 18,250 ล้านบาท ไตรมาส1/2562 เปิดขายไปแล้ว 2 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 1 โครงการ ต่อเนื่องจากเฟสแรกที่ทำการตลาดไปแล้วมูลค่า 890 ล้านบาท รวม 2 เฟส ทั้งหมด 308 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 1,391 ล้านบาท และโครงการ”อิมเพรสชั่น เอกมัย”เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน จำนวน 380 ยูนิต บริษัทเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จากปี 2559 จำนวน 5 โครงการมูลค่า 2,341 ล้านบาท ปี 2560 จำนวน 3 โครงการมูลค่า 5,633 ล้านบาท ปี 2561 ประมาณ 7 โครงการ มูลค่า 10,110 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่ากลยุทธ์ของบริษัท ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่ศักยภาพที่มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้ง และบริเวณพื้นที่แนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ รวมถึงการออกแบบที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน มุ่งเน้นการอยู่อาศัยได้จริง ในราคาที่จับต้องได้ และการเปิดโครงการใหม่ๆ ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเซกเมนต์ต่างๆ เช่น กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ระดับรายได้ต่อเดือนประมาณ 25,000 – 50,000 บาทต่อเดือน และกลุ่มลูกค้าประเภท Dual Income, No Kids (DINKs) ภายใต้แบรนด์ The Excel หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงกลางบน ระดับรายได้ประมาณ 40,000 – 80,000 บาทต่อเดือน ภายใต้แบรนด์ RISE หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงกลางบน ระดับรายได้ประมาณ 40,000 – 100,000 บาทต่อเดือน ภายใต้แบรนด์ The Vision หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับสูง ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ อิมเพรสชั่น-Impression

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์จะเสนอขายหุ้นไอพีโอประมาณต้นเดือนพ.ค. 2562 คาดว่าจะเริ่มโรดโชว์นักลงทุนสถาบันจำนวน 5-6 รายประมาณกลางเดือนเม.ย.นี้ ALL นำหุ้นออกมาขายไม่มาก บริษัทออลล์ อินสไปร์ฯเป็นดาวเด่นและธุรกิจที่ดี มีผู้บริหารและทีมงานที่เก่งและดี

“Allเป็นหุ้นที่เติบโตสูง ยอดขายเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปี 2561 มียอดขายมากกว่า 2,000 ล้านบาท และยังมี Backlog อีกมากกว่า 6,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้เป็นส่วนใหญ่ และในปีหน้าด้วย ผลประกอบการที่โตก้าวกระโดด น่าจะทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในหุ้น All “นายเล็ก กล่าว