บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยชะลอรอเลือกตั้ง แนะหุ้น Defensive

HoonSmart.com>> บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน นักลงทุนรอดูผลเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. แม้ปัจจัยบวกต่างประเทศมีสัญญาณที่ดีขึ้น แนะจับตาการประชุม FED -กนง. และขยายกำหนดเส้นตาย Brexit ของอังกฤษจากเดิมในวันที่ 29 มี.ค. ในสัปดาห์นี้ ให้กรอบดัชนี 1,600-1,645 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น Defensive ชู กลุ่มค้าปลีก-ท่องเที่ยว-โรงพยาบาล

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ( GBS) กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ได้รับปัจจยบวกจากบลูมเบิร์กเปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในปีนี้ในเดือนกันยายน 2562 ซึ่งลดลงจากคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งการที่จีนยืนยันที่จะใช้มาตรการที่แข็งแกร่งในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบของข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

ส่วนปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในช่วงนี้ มองว่านักลงทุนมีแนวโน้มชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังผลการเลือกตั้งในการดูว่าพรรคไหนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดย Fund Flow ไหลออกนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 1.11 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปี และจับตาการ BREXIT ใกล้ถึงเส้นตายในวันที่ 29 มี.ค. แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากข้อตกลง BREXIT ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาอังกฤษ และสมาชิกสหภาพยุโรปจะยอมให้เลื่อนกำหนดวันออกไปจากเดิมหรือไม่

นอกจากนี้แนะนำจับตาวันที่ 19-20 มีนาคมนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย วันที่ 20 มีนาคม ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2562 ส่วนกำหนดการที่รัฐสภาอังกฤษจะพิจารณาข้อตกลง BREXIT ในวันนี้มีแนวโน้มเลื่อนออกไปเป็นสัปดาห์หน้า วันที่ 21-22 มีนาคม จะมีการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งสมาชิกทั้ง 27 ชาติของ EU จะต้องให้ความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ต่อการขยายกำหนดเส้นตาย Brexit ของอังกฤษจากเดิมในวันที่ 29 มี.ค. 2562 ส่วนวันที่ 24 มีนาคม วันเลือกตั้งทั่วไปของไทย

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนโดยคาดจะเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ในกรอบ 1,600-1,645 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน หุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก แนะนำ HMPRO, CPALL กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ AOT, CENTEL, ERW ซึ่งได้ประโยชน์จาก Free Visa on Arrival กลุ่มโรงพยาบาล เราชอบ BCH

นอกจากนี้หุ้นที่ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกหลังเข้าร่วม Analyst Meeting ได้แก่ หุ้น PLAT มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงและรายได้ค่าเช่าในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูงจากสัญญาเช่าระยะยาวที่จะสิ้นสุดสัญญาในปลายปี 63 และปลายปี 64 คิดเป็น 15% และ 18% ของพื้นที่ให้เช่า และหุ้น BCH รายได้มีแนวโน้มเติบโตจาก 1) WMC จะเปิดศูนย์เด็กหลอดแก้วราวเดือนก.ค. 62 2) รพ.เกษมราษฎร์ (รามคำแหง) มีแนวโน้มเริ่มสร้างกำไรในปี 2562 3) การรับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์เฉพาะทาง 3 ศูนย์รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนลที่เปิดบริการในไตรมาส 4/2561

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ มองแนวโน้มราคาทองคำแกว่งขึ้นแบบ sideway up รอผลโหวตของสภาอังกฤษในคืนวันอังคารที่คาดว่าจะรับรองมติให้รัฐบาลเจรจาขอขยายเวลาเส้นตาย Brexit ออกไป แต่ยังมีความไม่แน่นอนว่า EU จะอนุมัติหรือไม่ ทำให้มีความเป็นไปได้ทั้ง hard Brexit และ soft Brexit หรือกระทั่ง no Brexit ขึ้นอยู่กับคำตอบของ EU

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบทางลบจากสงครามการค้าที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้น และในกรณีที่ปัญหาสงครามการค้ายังไม่ถูกแก้ไข ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่อัตราดอกเบี้ยอาจกลับทิศเป็นขาลงได้ จึงคาดราคาทองคำยังไม่น่าจะกลับเป็นขาลง แต่การจะปรับขึ้นต่อต้องรอให้มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามา ระยะสัปดาห์มองกรอบระหว่าง 1,290–1,310 ดอลลาร์ คาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาผันผวนตามค่าเงินสกุลหลัก ทั้งดอลลาร์ ปอนด์ และยูโร ส่วนเงินบาทจะยังไม่มีผลต่อราคาทองคำในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ