ตลาดพุ่ง 12 จุด ไล่หุ้นพลังงาน อานิสงส์น้ำมันขยับ แนะขายทำกำไรรอผลเลือกตั้ง

ตลาดหุ้นช่วงบ่ายพุ่ง 12.52 จุด ได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มปตท.หนุนตลาด หลังราคาน้ำมันต่างประเทศทำนิวไฮ โบรกเกอร์มอง ยังมีปัจจัยต้องจับตาการเลือกตั้งในประเทศวันที่ 24 มี.ค.นี้ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์

ภาวะการซื้อขายวันที่ 19 มี.ค.2562 ดัชนีปิดที่ 1,630.09 จุด บวก 12.52 จุด หรือ 0.77% ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 1,633.26 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,466.29 ล้านบาท

ตลาดมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มปตท. (PTT) ที่ปรับตัวขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ประกอบด้วย หุ้น PTT ปิดที่ 48.50 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.57% หุ้นบริษัท
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 122 บาท บวก 2 บาท หรือ 1.67% และหุ้นบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ปิดที่ 70 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 2.19%

นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 601.65 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 867.57 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศ ขายสุทธิ 1,194.85 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 274.37 ล้านบาท

นายณัฐชาติ เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น จากปัจจัยบวกราคาน้ำมันช่วงบ่าย ปรับตัวขึ้นสูงสุดของปีนี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่มูลค่าการซื้อขายกว่า 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก นักลงทุนยังรอดูปัจจัยเกี่ยวกับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศที่จะเกิดขึ้นวันที่ 24 มี.ค.นี้

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้ ( 20 มี.ค.) คาดว่า ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ มีแนวต้านที่ 1,640-1,650 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,620 จุด

กลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้หาจังหวะซื้อ ช่วงดัชนีอยู่ในระดับ 1,600-1,620 จุด ดังนั้นเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นมา แนะนำให้หาจังหวะขายทำกำไรออกมาก่อน

ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะนำให้ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์โดยเฉพาะปัจจัยเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ยังไม่แน่นอนว่าจะผลจะเป็นอย่างไร รวมถึงยังไม่เห็นสัญญาณการปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการ

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมามาก โดยมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ประกอบกับประเทศไทย จะมีการเลือกตั้งปลายสัปดาห์นี้ เชื่อว่า เป็นปัจจัยหนุนทำให้นักลงทุนต่างชาาติ เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แนะนำให้นักลงทุนรอดูผลการเลือกตั้ง และเสถียรภาพรัฐบาลใหม่ รวมทั้งนโยบายบริหารประเทศ