HoonSmart.com>>”ไทยฮั้วยางพารา” ตั้งเป้าเข้าตลาดหุ้น 2563 ได้ บล.บัวหลวง ที่ปรึกษาทางการเงิน ระดมทุน 5-8 พันล้านบาท ขยายธุรกิจปลายน้ำ เพราะมีมาร์จิ้นที่ดีและสร้างรายได้สม่ำเสมอ
นายหลักชัย กิตติพล กรรมการ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา กล่าวกับ www.HoonSmart.com ว่า บริษัทมีแผนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2563 ขณะนี้ได้แต่งตั้งให้บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) มี.ค.2563
เบื้องต้น คาดได้เงินจากการระดมทุน 5-8 พันล้านบาท ไปขยายธุรกิจปลายน้ำ ได้แก่ การทำถุงมือยางทางการแพทย์ ถุงยางอนามัย และยางรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นดี และสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ เป็นการทำธุรกิจครบวงจร จากปัจจุบันทำธุรกิจต้นน้ำ ปลูกสวนยางพารา และธุริจขั้นกลางน้ำเท่านั้น
นายหลักชัย กล่าวว่า สัดส่วนรายได้จากธุรกิจต้นน้ำ ได้แก่สวนยางพารา ซึ่งมีอยู่ในไทย ,ลาว และกัมพูชา ประมาณ 20% และธุรกิจกลางน้ำ ได้แก่ การทำยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น มีสัดส่วน 80% คาดหวังว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไป โดยธุรกิจปลายน้ำจะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 50% ส่วนธุรกิจกลางน้ำ 40% และธุรกิจต้นน้ำ 10%
ปัจจุบันไทยฮั้วยางพารา เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยางและส่งออกยางรายใหญ่ใของไทย กำลังการผลิตส่งออก 5 แสนตันต่อปี ทุนจดทะเบียน 6.9 พันล้านบาท มีบริษัทจากจีน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงนายหลักชัยและครอบครัว ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เช่นกัน ขณะนี้มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ 16 สาขา และมีสาขาต่างประเทศ 1 แห่งที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า
กรรมการ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา กล่าวอีกว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว โดยผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และการที่บริษัทจะหันไปหาสินค้าปลายน้ำมากขึ้น จะทำให้ผลประกอบการไม่ต้องผันผวนไปตามทิศทางของราคายางในตลาดอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทที่ประกอบธุรกิจยางพารา จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ประกอบด้วยบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA), บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) (TRUBB) และบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ที่เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ 7 พ.ย. 2561