PTTEP ทุ่ม 6.6 หมื่นล้านบาทซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ฯ ในมาเลเซีย

HoonSmart.com>>ปตท.สผ.ทุ่มซื้อกิจการ “เมอร์ฟี่ ออยล์” ในมาเลเซีย มูลค่า 2,127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท คาดเพิ่มปริมาณขายปิโตรเลียมประมาณ 15% สร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ทันที พร้อมข่าวดีชนะการประมูลสิทธิการสำรวจปิโตรเลียมในมาเลเซียอีก 2 แปลง ผงาดขึ้นอันดับ 3 ในมาเลเซีย

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัท พีทีทีอีพี เอชเค ออฟชอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทย่อยของ เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ได้แก่ บริษัท เมอร์ฟี่ ซาบาห์ ออยล์ จำกัด และบริษัท เมอร์ฟี่ ซาราวัก ออยล์ การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ครอบคลุมแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311, โครงการซาบาห์ เอช, โครงการเอสเค 314 เอ และโครงการเอสเค 405 บี รวมทั้งสินทรัพย์ต่างๆ มูลค่ารวมราว 2,127 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้ใช้เงินจากกระแสเงินสดของบริษัทในการเข้าซื้อกิจการ และตัองผ่านการอนุมัติจากทางการ คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2 ของปี 2562

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการลงทุนที่มีความสำคัญกับ ปตท.สผ.สร้างการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ที่จะกลับมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมตามสัดส่วนการลงทุนของ ปตท.สผ. ได้ทันทีประมาณ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปริมาณการขายในปัจจุบัน และยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันทีด้วยเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มปริมาณสำรวจในระยะยาว และยังช่วยสร้าง synergy กับพันธมิตรในมาเลเซียคือ Petronas อีกด้วย ” นายพงศธร กล่าว

สำหรับโครงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้ง 5 โครงการตั้งอยู่ในบริเวณรัฐซาบาห์และรัฐซาราวัก โดยมีโครงการที่อยู่ในระยะผลิต ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ ถือเป็นโครงการที่สำคัญขนาดใหญ่ และปตท.สผ.จะเข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการทันที โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 100,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และจะเพิ่มเป็นประมาณ 140,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในอีก 4 ปีข้างหน้า จากโครงการซาบาห์ เอช ที่มีแผนจะเริ่มการผลิตในช่วงครึ่งหลังปี 2563 โดยจะผลิตก๊าซธรรมชาติปริมาณ 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ให้กับโครงการ FLNG2 ของปิโตรนาส นอกจากนี้ ยังมีโครงการเอสเค 314 เอ โครงการเอสเค 405 บี ซึ่งอยู่ในระยะสำรวจ โดยมีแผนงานที่จะทำการวัดคลื่นไหวสะเทือน และเจาะหลุมสำรวจในอนาคต

นอกจากนี้ล่าสุด ปตท.สผ. โดยพีทีทีอีพี เอชเคโอ ได้ร่วมกับบริษัท ปิโตรนาส ชาริกาลี จำกัด ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contracts) กับบริษัท ปิโตรเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด หรือ ปิโตรนาส เพื่อรับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจพีเอ็ม 407 และพีเอ็ม 415 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคาบสมุทรเพนนินซูลา ประเทศมาเลเซีย จากการชนะการเปิดประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในปี 2561 ของประเทศมาเลเซีย

ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตดังกล่าว พีทีทีอีพี เอชเคโอ จะเป็นผู้ดำเนินการในทั้งสองแปลง โดยมีสัดส่วนการลงทุน 55% ในแปลงพีเอ็ม 407 และ 70% ในแปลงพีเอ็ม 415 ในขณะที่ ปิโตรนาส ชาริกาลี ถือสัดส่วนการลงทุนที่เหลือในทั้งสองแปลง ทั้งนี้ บริษัทวางแผนดำเนินการสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 407 และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 415

จากการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ครั้งนี้ ประกอบกับการชนะการประมูลในมาเลเซียอีก 2 แปลง รวมทั้ง แปลงสำรวจต่าง ๆ ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้วนั้น ส่งผลให้ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในฐานการลงทุนใหญ่ของ ปตท.สผ. นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศไทยและเมียนมา รวมทั้ง ส่งผลให้ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศมาเลเซีย ในด้านของการถือครองปริมาณทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งครอบคลุมการสำรวจและการผลิต น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในบริเวณที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงทั้งใน บริเวณคาบสมุทรเพนนินซูลา นอกชายฝั่งรัฐซาราวักและรัฐซาบาห์

“การลงทุนเพิ่มเติมในมาเลเซีย จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตให้กับบริษัทตามแผนกลยุทธ์ในระยะยาว “Coming Home” ซึ่ง ปตท.สผ. มุ่งเน้นการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เสริมความร่วมมือกับปิโตรนาสซึ่งเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน และพร้อมที่จะใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มีในอ่าวไทย รวมถึง ประสานประโยชน์ในกิจกรรมการสำรวจและผลิตในโครงการต่าง ๆ ของ ปตท.สผ. ในประเทศมาเลเซียร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทั้งสองประเทศ” นายพงศธร กล่าว

ปัจจุบัน ปตท.สผ. มีการลงทุนในมาเลเซียหลายโครงการ ได้แก่ โครงการซาราวักเอสเค 410 บี ซึ่งอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลด้านธรณีวิทยาและการประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียม เพื่อเตรียมวางแผนการเจาะหลุมสำรวจ โครงการซาราวักเอสเค 417 ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้านธรณีวิทยาและศักยภาพปิโตรเลียม และโครงการซาราวักเอสเค 438 ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการเจาะหลุมสำรวจ นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังมีการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย รวมทั้ง ปตท.สผ. ยังได้ลงทุนในบริษัท พีทีที โกลบอล แอลเอ็นจี จำกัด ร่วมกับบริษัท ปตท. ในโครงการ MLNG Train 9 ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซธรรมชาติเหลวอีกด้วย