ASP มองหุ้นดูดีสัปดาห์นี้ ปรับ BBL ออก เสี่ยงถูกชอร์ต NVDR

HoonSmart.com>>บล.เอเซียพลัสมองหุ้นสัปดาห์ที่จะถึง มีสภาพแวดล้อมเป็นบวก ให้น้ำหนักหุ้นไทย 40% ตปท. 20% เท่าสัปดาห์ก่อน ให้ชัวร์เลือกหุ้นมีปัจจัยบวก ปันผลดี EASTW, DCC ปรับหุ้น BBL ออก เสี่ยงถูกชอร์ตเซลพบ NVDR ถือมากสุด ให้กรอบ 1620-1645 ใกล้เคียงกับ บล.กสิกรไทย แนวรับ 1,630 และ 1,620 จุด แนวต้าน 1,650 และ 1,665 จุด

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASP) แนะนำการลงทุนในสัปดาห์ที่จะถึง(1-5 เม.ย. 2562) ว่าสภาพแวดล้อมมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น เริ่มจากการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนการเมืองไทยคาดหวังจะเห็นพัฒนาการในการจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดขึ้นเป็นลำดับ แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปจนกว่าจะถึงกลางเดือน พ.ค.ก็ตาม ยังคงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไว้ที่ 40% และ ตลาดหุ้นต่างประเทศ 25% ตามเดิม ส่วนตราสารหนี้ของไทยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าต่างประเทศ ให้น้ำหนักตราสารหนี้ 25% และ Money Market 5%

“สัปดาห์นี้ ดัชนีอยู่ในกรอบ 1620 –1645 จุด เพราะการจัดตั้งรัฐบาลอาจยาวนานไปจนถึงกลางเดือน พ.ค. ทำให้เงินทุนยังไม่ไหลเข้า ส่งผลถึงดัชนีหุ้นความผันผวน และพฤติกรรมการขายหุ้นล่วงหน้า(ชอร์ตเซล) ซึ่งดูเหมือนมีแนวโน้มเกิดมากขึ้น ล่าสุดมีการพิจารณาว่าจะให้ชอร์ตเซลในหุ้น NVDR ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างแรงกดดันเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยการเจรจาการค้าได้สร้างความคาดหวังเชิงบวก จึงต้องติดตามดูผลว่าจะออกมาดีตามที่คาดหรือไม่ รวมถึงการตีความภาวะ Inverted Yield Curve ในสหรัฐ ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันได้คาด”บล.เอเซียพลัสระบุ

กลยุทธ์การลงทุนในภาวะที่ผันผวน คือการเลือกลงทุนจะเน้นหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ มีอัตราผลตอบแทนปันผลเหมาะสม และมีปัจจัยบวกสนับสนุน ซึ่งสัปดาห์นี้เลือก EASTW มูลค่าเหมาะสม 13.50 บาท คาดปันผล 4.2% ต่อปี และมีประเด็นหนุนเรื่องความต้องการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน และในระยะยาวก็เชื่อว่า ความต้องการน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปตามพัฒนาการของการลงทุนในพื้นที่ EEC และแนะนำหุ้น DCC มูลค่าเหมาะสม 2.80 บาท ปันผลสูงกว่า 5% โดยปรับหุ้น BBL ออกจากพอร์ต เนื่องจากเห็นว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดชอร์ตเซล โดยพบว่าเป็นหุ้นที่ NVDR ถือครองมากเป็นอันดับ 1

ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ในสัปดาห์ที่จะถึงดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,620 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,665 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเมือง ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการพิจารณาข้อตกลง BREXIT ของรัฐสภาอังกฤษ