แห่ปิดห้องค้าหาดใหญ่-เชียงใหม่ สิ้นยุคทอง-เก็งกำไรครองเมือง

HoonSmart.com>>สิ้นยุคทองเก็งกำไรครองเมือง โบรกเกอร์ แห่ปิดห้องค้าหาดใหญ่-เชียงใหม่ หลังจากนักลงทุนรายใหญ่ออกจากตลาดหุ้น เทคโนโลยีเข้าแทนที่มาร์เก็ตติ้ง 

ผลกระทบที่ต่อเนื่องจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชั่น ) จากที่เคยซื้อขาย 1 ล้าน เสียค่าคอมม์  5,000 บาท หรือ  0.5 %  สู่คอมมิชชั่น 1 ล้าน จ่าย 150 ในปัจจุบัน  หรือบางช่วงแข่งกันดุเดือด จัดโปรโมชั่นแรง ๆ ไม่เก็บลูกค้าสักบาทก็มี  จึงแทบไม่มีความหมายสำหรับโบรกเกอร์ที่มีวอลุ่มซื้อขาย (มาร์เก็ตแชร์ ) สูง ๆ แต่กลับหารายได้จากค่าคอมมิชชั่นไม่ได้  อย่างที่รู้กันในหมู่โบรกเกอร์

ดูเหมือนว่า ห้องค้าหรือสาขาของโบรกเกอร์ ที่เคยเป็นแหล่งทำเงินสำคัญ โดยเฉพาะสาขาหรือห้องค้าที่มีรายใหญ่นั่งประจำ มีห้องวีไอพี ส่วนตัว เพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เสมือนห้องทำงานในบ้าน หรือออฟฟิสสำนักงาน

ขณะที่อาเจ๊ อาซ้อ อาแปะ ที่เคยใช้ห้องค้า เป็นที่พูดคุย จิบกาแฟ เก็งกำไรได้ค่ากับข้าวค่าขนมรายวัน  หมดยุคที่จะเดินทางมาดูกระดานหุ้น เพราะนั่งอยู่กับบ้าน ก็ดูหุ้นจากมือถือได้

เมื่อเทคโนโลยี เข้ามาแทนที่ คน การคีย์คำสั่งซื้อขายโดยเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) แทบไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป การกดคำสั่งซื้อขายด้วยตัวเองผ่านอินเตอร์เน็ต เสียคอมมิชชั่นน้อยกว่าให้มาร์เก็ตติ้งยิงคำสั่งซื้อขายให้  ยิ่งมาโดนหุ่นยนต์ หรือที่เรียกกันติดปาก AI ทำหน้าที่ซื้อขายแทนด้วยแล้ว 3 วินาที ตั้งคำสั่งซื้อขายได้ 17 ออร์เดอร์ รายย่อย-รายใหญ่ ถึงกับเงิบ ต่อให้มี 10 มี ยังเคาะออร์เดอร์ไม่ทัน AI

ห้องค้ากลายเป็น ห้องร้าง สาขาดาวรุ่งทำเงิน กลายเป็นดาวร่วง สาขาห้องค้าหาดใหญ่ที่เคยเป็นดาวเด่นปราบเซียน ยุครุ่งเรืองนักเก็งกำไรครองเมือง จากตึก 6 ชั้น ทุกชั้นมีห้องค้า เหลือห้องแถวชั้นเดียว จากขนาดห้องใหญ่ ๆ เหลือไซด์เล็ก เชิงสัญญลักษณ์ให้ลูกค้ามาแวะเวียน เป็นที่รับออร์เดอร์เท่านั้น

อดีต ห้องค้าหาดใหญ่ เป็นแหล่งขุดทองของโบรกเกอร์ ที่ใคร ๆ ก็ต้องไป ตามนิสัยของนักลงทุนที่นี่ เก็งกำไรสูง ซื้อขายหลายรอบ โบรกเกอร์มีรายได้จากการปล่อยกู้ซื้อหุ้น (มาร์จิ้น) และมีนายทุนรายใหญ่ปล่อยกู้ เมื่อความเสียหายยังไม่มาเยือน ยังไม่ถูกจับตาจากทางการ วอลุ่มซื้อขายจากหาดใหญ่จึงสูงมาก มาร์เก็ตติ้งหลายคน รวมทั้งนักลงทุนรายใหญ่บางคน เป็นมหาเศรษฐีไปในพริบตา

ปัจจุบันนี้ เมื่อทางการเข้มงวดกวดขันการเก็งกำไร ควบคุมการปล่อยมาร์จิ้น หาดใหญ่ที่เคยเป็นแหล่งเก็งกำไรของนักลงทุน ห้องค้าที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด จึงเหลือเพียงห้องว่างเปล่า ปิดสาขา ควบรวม และลดขนาด รวมไปถึงสาขาเชียงใหม่ก็เช่นกัน ที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยไปกว่าหาดใหญ่ ตามภาวะตลาดซบเซา รายใหญ่-รายย่อย ชะลอการลงทุน-เก็งกำไร

แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทหลักทรัพย์  (บล.) ทยอยปิดสาขา ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมที่บริษัทแต่ละแห่งกระจายการเปิดสาขา 2-3 แห่ง มารวมเหลือ 1 สาขา เพราะได้รับผลกระทบจากลูกค้ารายได้ลดการเทรดลง บางรายหันไปซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเอง โดยล่าสุด บล.ฟินันเซียไซรัส รวม 3 สาขาในอำเภอหาดใหญ่ เหลือ 1 สาขา เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง

“การปิดสาขา ส่งผลกระทบกับหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติง โดยตรง เพราะตามเกณฑ์ของสมาคมบล. กำหนดให้หัวหน้าทีมในแต่ละสาขา ได้รับผลตอบแทนพิเศษอีก 6% นอกจากที่ได้ค่าคอมมิชชั่น 27.5% แล้ว แต่หากเป็นหัวหน้าทีมที่อยู่ในสาขาเดียวกัน หรือในสำนักงานใหญ่ ผลตอบแทนจะลดลง เหลือ 4.5% เพราะค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการมีสาขาเพียงแห่งเดียว”

ที่ผ่านมา หลักเกณฑ์นี้ ทำให้โบรกเกอร์ ต้องกระจายการเปิดสาขาหลายแห่งในจังหวัดเดียวกัน โดยเฉพาะในอ.หาดใหญ่ และจ.เชียงใหม่ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่หัวหน้าทีม แต่เมื่อลูกค้ารายใหญ่ลดการเทรดลง สาขาประสบปัญหาขาดทุน ก็ต้องปิดเพื่อรวมสาขา

นอกจากนี้ นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ก็ได้ลาออก และย้ายไปทำงานที่บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2562 เป็นต้นไป  ซึ่งมีกระแสข่าวว่า การลาออกเพราะผลงานออดเดอร์ลูกค้าบุคคลต่ำกว่าเป้าหมาย

อ่านประกอบ

รายงานพิเศษ : หมดยุคกินค่าคอมมิชชั่นหุ้น โบรกเกอร์ดิ้นหารายได้ดอกเบี้ย