ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกก. ADAM-พวกรวม 8 ราย ฟอกเงิน บริษัทเสียหาย

HoonSmart.com>>ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการบริษัท อาดามัสฯกับพวกรวม 8 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีกระทำทุจริตต่อหน้าที่ให้ ADAM เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์(เดิมชื่อบริษัท สิราลัย ) จนเป็นเหตุให้ ADAM ได้รับความเสียหาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการฟอกเงิน  ความผิดตามมาตรา 307 ,311และ 315  โทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวโทษอดีตกรรมการบริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น (ADAM) กับพวกรวม 8 ราย ได้แก่ 1. นายบุญเปี่ยม เอี่ยมรุ่งโรจน์ (ประธานกรรมการบริษัท ADAM ในช่วงเกิดเหตุ) 2. นายชินวัฒน์ ชินแสงอร่าม (กรรมการ ADAM ในช่วงเกิดเหตุ)3. นายสราวุฒิ ภูมิถาวร (กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบของ ADAM ในช่วงเกิดเหตุ) และพวกอีก 5 ราย ได้แก่ 4. นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา 5. นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร 6. นางสาวบงกร จันทร์สกุลพร (หรือชื่อขณะเกิดเหตุ นางสาวธันยพร) 7.นายสรวิศ จันทร์สกุลพร และ 8.นางสุดา คุณจักร กรณีร่วมกันกระทำผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ ADAM เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์(เดิมชื่อบริษัทสิราลัย) ในปี 2557 เข้ามาเป็นบริษัทย่อยของ ADAM โดยทุจริต ทั้งที่ทราบว่าในระหว่างนั้น บริษัท กีธาฯ เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนดำเนินคดี กรณีสงสัยว่าร่วมทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวและมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนของการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการฟอกเงิน

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นเหตุให้ ADAM ได้รับความเสียหาย โดยกลุ่มครอบครัวจันทร์สกุลพร ซึ่งประกอบด้วยนายอภิชาติ นางสาวบงกร และนายสรวิศ ได้รับประโยชน์จากการใช้กระบวนการกลไกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเปลี่ยนถ่ายผู้เป็นเจ้าของบริษัท บริษัท กีธาฯ จากเจ้าของเดิม คือ กลุ่มครอบครัวจันทร์สกุลพร มาเป็น ADAM ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีประชาชนทั่วไปเป็นผู้ถือหุ้น

ขณะเดียวกันกลุ่มครอบครัวจันทร์สกุลพร ก็ได้เปลี่ยนสภาพของทรัพย์สินซึ่งคือหุ้นของบริษัทกีธาฯ เป็นหุ้น ADAM ซึ่งมีสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทน โดยมีการวางแผนการอย่างเป็นขั้นตอน รวมถึงการใช้อำนาจของคณะกรรมการบริษัทในการลงนามในสัญญาจะซื้อหุ้นบริษัท  กีธาฯ ขณะเดียวกันได้ใช้บัญชีนอมินีเข้าซื้อหุ้น ADAM เพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงข้างมากในการครอบงำกิจการของบริษัท และใช้สิทธิในการเพิ่มวาระในวันที่มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และเห็นชอบให้ซื้อหุ้นดังกล่าว ทำให้สัญญาจะซื้อหุ้นดังกล่าวมีผลผูกพันทันที

การกระทำของอดีตกรรมการ ADAM และพวกรวม 8 ราย เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งบุคคลราย 1-3 เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 307 และ มาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยมีบุคคล 4-8 ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิด เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 307 และมาตรา 311 ประกอบมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ แล้วแต่กรณี

นอกจากนี้ บุคคลตาม 6 และ 7 ได้ร่วมกันควบคุมและหรือใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่นโดยเป็นผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง รวมถึงเข้าซื้อและถือครองหลักทรัพย์ ADAM ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเกิน 5% และรวมกันถึง 25% ขึ้นไปของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยไม่ได้รายงานและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตามที่กฎหมายกำหนด ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 8 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการถูกกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ

ทั้งนี้ความผิดตามมาตรา 307 มาตรา 311 และ 315 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท