โกลเบล็ก คัดหุ้นเด่น เน้นหุ้น MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนพ.ค.นี้

โกลเบล็ก คัดหุ้นเด่น  MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนมีผล พ.ค.นี้ ชู SCC-EGCO- CPN-LH- TU- BANPU-BH-BBL-BDMS-KBANK  มองหุ้นไทยยังผันผวนกรอบดัชนี 1,655 – 1,680  จุด ด้านราคาทองคำลุ้นยืนเหนือ  1,280 ดอลลาร์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ( GBS )  กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยหลังสงกรานต์ ตอบรับปัจจัยบวก เศรษฐกิจจีน ที่มีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 1/62 ขยายตัว 6.4% เท่ากับไตรมาส 4/61

นอกจากนี้ การใช้ม.44  แก้ปัญหาการประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัลและกิจการโทรคมนาคม  ส่งผลบวกกับผู้ประกอบการ รวมทั้ง MSCI เตรียมปรับเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยมีผลในเดือนพ.ค. ทำให้น้ำหนักลงทุนเพิ่มเป็น 3% จากเดิม 2.5%

 

วิลาสินี บุญมาสูงทรง

ปัจจัยกดดันภาวะตลาดเป็นระยะ อาทิ กรณีที่ IMF ปรับลดประมาณการ GDP โลกปี 62 เหลือ 3.3% จากประมาณการเดิม 3.5%  รวมทั้งทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมทบทวนประมาณการทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ใหม่จากประมาณการปัจจุบันที่ระดับ 4%  จากประเด็นความเสี่ยงเรื่องการส่งออกที่เติบโตไม่มากจากปีก่อนหน้า  และการปรับลดคาดการณ์ GDP โลกและการค้าโลกของ IMF และ        ปัจจัยการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอนและชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล

จับตาปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อการลงทุนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า โดยในวันที่ 17-19  เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารรายงานงบการเงินงวดไตรมาส 1/2562  วันที่ 18 เม.ย. อียู  เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น-ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย. และสหรัฐ  เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์   และวันที่ 23 เม.ย. การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ประกาศผลการประกวดราคาโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3

นายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ  1,655 – 1,680  จุด

แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ในหุ้นที่คาดว่า MSCI มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน เช่น SCC, EGCO, CPN, LH, TU, BANPU, BH, BBL, BDMS และ KBANK และหุ้นกลุ่มธนาคารให้น้ำหนักลงทุน Neutral แนะนำลงทุนหุ้นที่มี yield สูง ได้แก่ KKP yield 7.1% และ TISCO yield 6.6%

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ   ให้ความสำคัญกับความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลบวกต่อภาพรวมการลงทุน อีกทั้งการที่ EU ยืดเวลาเส้นตาย Brexit ออกไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำอ่อนตัวหลุดกรอบ descending triangle ลงมา เกิดเป็นสัญญาณขาย ซึ่งถ้าหากไม่สามารถรีบาวด์กลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,280 ดอลลาร์ ที่หลุดลงมาได้ จะเกิดสัญญาณขายซ้ำ และมีโอกาสจะปรับตัวลงต่อเนื่องจนถึงช่วง  1,215–1,235 ดอลลาร์ ตามเป้าหมายทางเทคนิค

ส่วนทิศทางค่าเงินบาท  คงอยู่ในกรอบ 31.7–32.0 บาทต่อดอลลาร์  คาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาทองคำในประเทศ จึงแนะนำให้เปิดสถานะ short แล้วถือเพื่อเล่นรอบ แต่ถ้าราคาดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ  1,280 ดอลลาร์ได้ให้ stop loss ฝั่ง short แล้วปรับมาเล่น swing trade ระหว่าง  1,280–1,300 ดอลลาร์