PTTEP กำไร 1.25 หมื่นล้าน ลด 6.74% ขาดทุนประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน

HoonSmart.com>>ปตท.สผ. ไตรมาสแรกกำไรสุทธิ 1.25 หมื่นล้าน ลดลง 6.74% จากงวดปีก่อน ขาดทุนประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ด้านยอดขายเพิ่มหนุนรายได้รวมโต 15%

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 กำไรสุทธิ 12,479.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.03 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13,380.71 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.24 บาท

ในงวดไตรมาส 1/62 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายจำนวน 1,328 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติจำนวน 374 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 167 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลักจากโครงการบงกชที่มีการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่ม รวมทั้งค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าภาคหลวงและค่าตอบแทนสำหรับปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายได้ค่าขายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเฉพาะกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/62 มีจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินบาทในไตรมาส 1/ 62 แข็งค่าขึ้นเพียง 0.64 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าไตรมาส 1/61 ที่แข็งค่าขึ้น 1.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินเพิ่มขึ้น 39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลักจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำามัน

สำหรับเนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณการขาย ราคาขายและต้นทุน โดยบริษัทฯ คาดว่าปริมาณการขายเฉลี่ยในไตรมาส 2/62 อยู่ที่ประมาณ 330,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่ำวันและทั้งปีอยู่ที่ 321,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เป็นผลมาจากสัดส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการบงกชตั้งแต่กลางปี 2561

นอกจากนี้คากว่าราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยในไตรมาส 2/62 และทั้งปี 62 อยู่ที่ประมาณ 6.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ตามลำดับ เป็นผลจากการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2562 ที่ 66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมทั้งคาดว่า ในไตรมาส 2/62 และทั้งปี 62 จะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 32 และ 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และคาดว่า EBITDA Margin ปี 62 อยู่ที่ 70-75% ของรายได้จากการขาย ทั้งนี้ไม่รวมโครงการจากการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Murphy ในมาเลเซีย

สำหรับแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบปี 2562 คาดว่าจะมีความผันผวนและเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล