BANPUขาดทุน1.2พันล.จ่ายคดีหงสา2.7พันล.

ตามคาด บริษัทบ้านปูขาดทุนหนัก 1,262 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหายคดีหงสาร่วม 2,702 ล้านบาท ขาดทุนจากเงินบาทแข็งค่า 33 ล้านดอลลาร์ ชี้ธุรกิจถ่านหินสดใส ราคาขายปรับตัวขึ้น ธุรกิจไฟฟ้ากำไรดี

บริษัท บ้านปู (BANPU)แจ้งผลขาดทุนสุทธิ 1,262 ล้านบาทในไตรมาส 1/2561 พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 1,434 ล้านบาท หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในคดีหงสา จำนวน 2,702 ล้านบาท บริษัทมีกำไรใกล้เคียงกับไตรมาส1ปีก่อน

สาเหตุที่ทำให้บริษัทขาดทุน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายตามค่าพิพากษาคดีหงสา 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว 5% ทำให้บริษัทรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับคดีหงสา ค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาจำนวน 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นค่าเสียหายจากคดีฟ้องร้องที่ต้องจ่ายให้แก่โจทก์จำนวน 1,500 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย 7.5%ต่อปี รวมเป็นเงิน 2,702 ล้านบาทแบ่งจ่ายเท่ากันๆกันระหว่างจำเลยร่วมทั้ง 3 ราย โดยบริษัทจ่ายค่าเสียหายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2561

ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมดีขึ้น มีรายได้จากการขายจำนวน 700 ล้านบาท แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจาก 392 ล้านบาทเป็น 468 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 232 ล้านบาทจากระดับ 241 ล้านบาท รายได้จากการขายรวมจำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่า 22,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก67 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11% ส่วนใหญ่เกิดจากราคาขายถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 80.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เทียบกับ 65.86 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% และการลดลงของปริมาณการขายในปีก่อน

ในไตรมาส 1/2561 ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองในอินโดนีเซียอยู่ที่ 85.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 16.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันหรือประมาณ 23% ส่วนเหมืองออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 20% จาก 79.49 เหรียญออสเตรเลียเป็น 95.17 เหรียญออสเตรเลีย ส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้า ไอน้ำและอื่นๆของโรงไฟฟ้า CHP 3 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 59.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไรขั้นต้นรวม 232 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 4% โดยธุรกิจถ่านหินมีมาร์จิ้น 34% ธุรกิจไฟฟ้า 26%

สรุปรายได้จากธุรกิจถ่านหินที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากราคาถ่านหินที่สูง และกำไรที่ดีของธุรกิจไฟฟ้า