“ธงชัย” ลั่น 3 ปี NOBLE แกร่ง โตก้าวกระโดด-สู้คู่แข่งไหว

HoonSmart.com>>หุ้นโนเบิลฯ สร้างกำไร 40% ให้ “กลุ่มธงชัย”รวยอู้ฟู่ ซื้อบิ๊กล็อต 13 บาท/หุ้น ไม่กี่วันราคาทะลุ 18 บาท ล้ำหน้าผลดำเนินงาน ตั้งเป้า 3 ปี ยอดขายมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท/ปี รายได้เกิน 1 หมื่นล้าน ROE พุ่ง 2 เท่า เป็น 30%  แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งขายโครงการพาณิชย์ เผยยกตึกแถวเพลินจิตให้บีทีเอสรับมา 800 ล้านบาท ทำสัญญาขอเช่าต่อ 15 ปี 

หุ้นบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) วันที่ 2 พ.ค.62 ราคาปรับขึ้นสูงสุด 19.60 บาท ปิดที่ระดับ 18.90 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.28% เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาบิ๊กล็อตแถว 13 บาทต่อหุ้น ระหว่าง นายกิตติ ธนากิจอำนวย ขายให้ นายธงชัย บุศราพันธ์ จำนวน 106.43 ล้านหุ้น หรือ 23.32% บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ 8.32%

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) แถลงว่า บริษัทตั้งเป้าพลิกฟื้นธุรกิจ ผลักดันการเติบโตในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2562-2564) ให้มียอดขายมากกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่งผลให้มีรายได้อยู่ที่ 1-1.2 หมื่นล้านบาท/ปี อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 30% โดยจะยังคงรักษาอัตราส่วนของหนี้ต่อทุนสุทธิที่ 1.5 เท่า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในช่วง 3 ปี มูลค่ารวม 1.78 หมื่นล้านบาท พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง 4-5 โครงการ/ปี

สำหรับกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ช่วงแรก บริษัทจะเร่งระบายสต๊อกโครงการที่มียูนิตเหลือขายพร้อมโอน และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ก็จะขายออกไป ยอมปรับลดราคาลงมา เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจ ทำให้ระบายสินค้าออกไปได้เร็วขึ้น ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าสต๊อกรวมทั้งหมด 1.7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน มูลค่า 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรอขายที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง บริษัทกำลังดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการเชิงพาณิชย์  7 โครงการ

ส่วนแผนต่อไปบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนโครงการที่มีการเติบโตและความต้องการสูง อาทิ คอนโดมิเนียมที่มีราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ระหว่าง 1-1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือราคาขายเฉลี่ย 3-7 ล้านบาท/ยูนิต และจัดพอร์ตการลงทุนที่ดินให้มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างยอดขายในตลาดต่างประเทศ

ธงชัย บุศราพันธ์

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการขายสินทรัพย์ที่เป็นโครงการพาณิชย์ออก เพื่อนำเงินกลับมาใช้ลงทุนต่อในอนาคต ซึ่งได้ขายอาคาร Noble เพลินจิต Tower B มูลค่า 800 ล้านบาทไปให้กับกลุ่ม BTS แล้ว และบริษัทเช่าอาคารดังกล่าวจากบีทีเอสระยะเวลา 15 ปี และยังมีสินทรัพย์เหลืออยู่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท บริษัทจะทยอยขายออกไปให้กับนักลงทุนที่สนใจ หรืออาจจะจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs)

นายธงชัย กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง 4-5 โครงการ/ปี โดยจะปรับราคาขายเน้นที่กลุ่มระดับราคา 100,000-150,000 บาท/ตารางเมตรมากขึ้น หรือราคาขายเฉลี่ย 3-7 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งเป็นระดับราคาที่มองว่ามีความเหมาะสมและลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย สามารถขายออกได้อย่างรวดเร็ว และยังมีการปรับลดมาร์จิ้นของโครงการใหม่ลงเหลือ 17-18%  จากเดิมที่ 20% ต่อโครงการ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้ามากขึ้น

นายแฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม NOBLE กล่าวว่า บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่สร้างเสร็จพร้อมขายและส่งมอบมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท และพื้นที่เชิงพาณิชย์มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน และไม่มีหนี้สินผูกพัน จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้บริษัทได้ในทันที และสามารถสร้างอัตราผลกำไรสุทธิที่เป็นที่น่าพอใจ

ส่วนโครงการลงทุนในอนาคต บริษัทจะเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะที่ดินแนวสถานีรถไฟฟ้า ตั้งงบประมาณไว้ 3,000 ล้านบาทต่อปีในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม

เมื่อปี 2561  นายกิตติถือหุ้น  NOBLE ไม่ถึง 10 % หลังจากนั้นได้ซื้อหุ้นล็อตใหญ่ จำนวน 34.95% ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นสูงที่สุด  42.91% และตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นจากรายย่อยได้มาจำนวน 52 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 12.25 บาท  และรับเงินปันผลพิเศษ  6.90 บาท/ หุ้น  ก่อนจะตัดขายให้กลุ่มธงชัย