ดาวโจนส์ปิดร่วง 473 จุด กังวลความขัดแย้งการค้าสหรัฐฯ-จีน

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วง 473 จุด กังวลความขัดแย้งการค้าสหรัฐฯ-จีน หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังราคาน้ำมันดิบร่วง ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ที่ 25,964.09 จุด ลดลง 473.39 จุด หรือ 1.79 % นักลงทุนวิตกต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกในวงเงิน 325 พันล้านดอลลาร์เป็น 25% หลังจากการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 200 พันล้านดอลลาร์เป็น 25% จาก 10% ไปแล้ว

นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงิน 325 พันล้านดอลลาร์เป็น 25% จะมีผลวันศุกร์นี้ และยังกล่าวอีกว่า จะยังมีการปรับอัตราภาษีขึ้นอีก

นักวิเคราะห์ประเมินว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่รุนแรงขึ้นจะมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก 0.45% และกระทบเศรษฐกิจจีนราว 1.2%-1.5%

สำหรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่จะเริ่มขึ้นวันนี้คาดว่ารองนายกรัฐมนตรีจีน หลิว เหอจะเข่าร่วมเจรจาในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ จากเดิมที่กำหนดจะเข้าร่วมตั้งแต่วันพุธไปจนถึงวันเสาร์

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,884.05 จุด ลดลง 48.42 จุด,-1.65%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,963.76 จุด ลดลง 159.53 จุด,-1.96%

กระทรวงแรงงานเปิดเผยผลสำรวจการตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS)เดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 346,000 ตำแหน่งเป็น 7.48 ล้านตำแหน่ง

หุ้นที่อ่อนไหวต่อการค้าระหว่างประเทศปรับตัวลดลง โดยหุ้นแคทเธอพิลลาร์ลดลง 2.2% หุ้นโบอิ้งลดลง 3.4% หุ้นเจนเนอรัลอิเลกทริกลดลง 3.1% หุ้นอีเมอร์สันอิเลกทริกลดลง 3.7% หุ้น Nvidia ลดลง 3.7% หุ้นแอปเปิลลดลง 2.7%

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดนหุ้นเชฟรอนลดลง 0.12% หุ้นเอ็กซอนโมบิลลดลง 0.5%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบหลังความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเพิ่มขึ้น รวมทั้งความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปยังคงคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปปีนี้ที่ 1.4% และ 1.6% ในปีหน้า

คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของเยอรมนีลงเป็นครั้งที่สองในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากความตึงเครียดทางการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด หลังจากที่หดตัวติดต่อกันใน 2 เดือนที่ผ่านมา โดยคำสั่งซื้อในกลุ่มสินค้าที่ผลิตในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.6% ต่ำกว่า 1.5% ที่ตลาดคาด ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจระบุว่าคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากคำสั่งซื้อประเภท bulk orders และหากไม่คำวั่งซื้อ bulk orders คำสั่งซื้อรวมหดตัว 1.9% และส่งทำให้คำสั่งซื้อไตรมาสแรกหดตัว 4.1% ซึ่งเป็นจากความต้องการในต่างประเทศที่ลดลง

รัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงมาที่ 0.5% จาก 1.4% ในปีก่อน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,260.47 จุด ลดลง 120.17 จุด,-1.63 %

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 381.64 จุด, ลดลง 5.31 จุด, -1.37%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,395.75 จุด ลดลง 87.76 จุด, -1.60%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,092.74 จุด ลดลง 194.14 จุด,-1.58%

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง 2.6% โดยหุ้นบาร์เคลย์ หุ้นเอชเอสบีซีและหุ้นสแตนดารชาร์เตอร์ต่างลดลงราว 3% ขณะที่หุ้น FinecoBank ในอิตาลีลดลง 7% หลัง Unicredit ระบุว่าอาจจะลดการถือหุ้นในธนาคารลง

หุ้น BMW ลดลง 4% หลังกำไรไตรมาสแรกลดลงถึง 78%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 85 เซนต์ปิดที่ 61.40 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 1.36 ดอลลาร์ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์