LPN กำไร 349 ล้าน โต 17% แบ็คล็อกรอรับรู้รายได้ปีนี้ 7.3 พันล.

HoonSmart.com>>”แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์” อวดงบไตรมาสแรกกำไรสุทธิ 349.99 ล้านบาท เติบโต 17% กวาดรายได้รวม 2.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.63% รับรู้รายได้โครงการบ้านพร้อมอยู่และโครงการแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2562 กอดแบ็คล็อกงานในมือรอรับรู้รายได้ปีนี้ 7.3 พันล้านบาท ส่วนโครงการใหม่เปิดตัวปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 มีกำไรสุทธิ 349.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท เพิ่มขึ้น 17.31% จากงวกเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 298.34 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.20 บาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ LPN เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17.32% และ 0.60% ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการรับรู้รายได้จากโครงการพร้อมอยู่และเป็นการรับรู้โครงการที่แล้วเสร็จในไตรมาส 1/2562 จำนวน 1 โครงการ ส่วนกำไรขั้นต้นจากการขายเพิ่มขึ้น 4.39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

โครงการที่แล้วเสร็จ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76-แบริ่ง สเตชั่น (2) มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท ยอดขายของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1 ปี 2562 จํานวน 1,700 ล้านบาท เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยประมาณ 1,100 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัยประมาณ 600 ล้านบาท

บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้หลักรวมในไตรมาส 1/2562 จำนวน 2,790.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 290.71 ล้านบาท หรือ 11.63% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย รายได้ค่าเช่า บริการและรายได้ค่าบริหารเพิ่มขึ้น 10.71% ,44.17% และ 16.99% ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายในการขาย ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ เพิ่มขึ้น 355.17% จากค่านายหน้าของโครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน ที่มีการรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/2562

สำหรับปี 2562 บริษัทกำหนดการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัยมูลค่า 8,000 ล้านบาทและกำหนดเป้าหมายยอดขายมูลค่ารวม 16,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยมูลค่า 11,000 ล้านบาทและโครงการบ้านพักอาศัยมูลค่า 5,500 ล้านบาทและรับรู้รายได้ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยมูลค่า 9,000 ล้านบาทและโครงการบ้านพักอาศัยมูลค่า 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ณ 31 มี.ค.2562 บริษัทและบริษัทย่อยมี Backlog มูลค่าประมาณ 7,800 ล้านบาท จากโครงการอาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัย แบ่งเป็นในปี 2562 จำนวน 7,300 ล้านบาทและปี 2563 ประมาณ 500 ล้านบาท