หุ้นเสี่ยง! จีนตอบโต้สหรัฐขึ้นภาษี 6 หมื่นล้านเหรียญ – KCE นิวโลว์

HoonSmart.com>>สงครามการค้าดุเดือด จีนฮึดสู้สหรัฐขึ้นภาษี 6 หมื่นล้านเหรียญ มีผล 1 มิ.ย. นักวิเคราะห์แนะหลีกเลี่ยงทิ้งปิโตรฯ และอิเล็กทรอนิกส์ กด KCE นิวโลว์ในรอบ 1 ปี บิ๊ก IVL ยันกำไรไตรมาส 2 ดีขึ้น   “ไพบูลย์ นลินทรางกูร”มองตลาดร่วงเป็นจังหวะซื้อ กลุ่มธนาคาร-บริโภคน่าสนใจ ชี้เป้าดัชนีปีนี้ 1,750 – 1,800 จุด

สงครามการค้าที่จบไม่ลง ล่าสุดจีนประกาศขึ้นภาษีสหรัฐ  6 หมื่นล้านเหรียญ มีผล 1 มิ.ย.  คาดจะส่งผลกรทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนดัชนีหุ้นไทยลดลง 8 จุด สถาบันและต่างประเทศจับมือกันขายเฉียด 2,500 ล้านบาท นักวิเคราะห์แนะให้หลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ายืดเยื้อ กดดันหุ้นปิโตรเคมี และอิเล็กทรอนิส์ ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) ทรุดเฉียด 6% ปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 22 บาท และนับเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ส่วน HANA ดีดกลับเป็นบวก 0.50 บาทปิดที่ 30.75 บาท นอกจากนี้แรงขายหุ้นกลุ่มปตท.ออกมาอย่างหนัก รวมถึงบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)หลังจากผิดหวังกำไรและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีลดลง

นายดิลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Feedstock และ PET บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า แนวโน้มในไตรมาส 2 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1 เพราะปริมาณขายเพิ่มขึ้น จากโรงงานโอเลฟินส์กลับมาผลิตได้เต็มที่หลังจากที่ต้องปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ PET มียอดขายเพิ่มขึ้น และอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ดีขึ้นด้วย ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PTA ก็เพิ่มมาอยู่ที่เฉลี่ยมากกว่า 220 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน จากไตรมาส 1 เฉลี่ยอยู่ที่ 140 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน

แนวโน้มในปี 2562มั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังคงมองหาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตเป็น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยในระหว่างร่วมรายการ “LIVE with Guru เจาะลึกกับผู้รู้เรื่องการลงทุน” ในเพจเฟซบุ๊ก TISCO Mastery ว่า ตลาดทุนมีความคาดหวังเชิงบวกต่อรัฐบาลชุดใหม่ไม่มากนัก มองว่าอาจประสบปัญหาด้านเสถียรภาพ และเอกภาพในการบริหารงาน รวมทั้งอาจมีวาระในการบริหารประเทศไม่นานนัก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับภาพการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น ราคาหุ้นจึงไม่ได้ตอบรับในเชิงบวก และยังไม่เห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาประมาณ 1 แสนล้านบาทตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่หุ้นปรับฐานเพื่อไปต่อในช่วงนี้จึงเป็นจังหวะ “ซื้อ” มองดัชนีหุ้นปี 2562 อยู่ที่ 1,750 – 1,800 จุด หุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว คือหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในขณะนี้ซื้อขายเหนืออัตราส่วนราคาต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (P/BV) ไม่มากนัก และ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่

นักวิเคราะห์บริษัทหลายแห่งแนะนำให้นักลงทุนขาย หรือหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี เพราะคาดว่ากำลังซื้อและราคาจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ายืดเยื้อ เน้นการลงทุนหุ้นที่มีการบริโภค และการลงทุนในประเทศเป็นหลัก แม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม

นอกจากนี้ ยังคงแนะนำให้ขายหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก เช่น หุ้นไฟฟ้า รวมถึง หุ้นที่ผลกำไรไตรมาส 1 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งมีความเสี่ยงถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุน ลดราคาเป้าหมายและกำไรในปีนี้