ต่างชาติกดหุ้นไทยจ่อหลุด1,600 จุด บลจ.ไทยพาณิชย์แนะหุ้นคุณภาพสูง

HoonSmart.com>>ต่างชาติยังคงขายหุ้นตลาด TIP ทิ้งไทยกว่า 1.9 พันล้านบาท เฉียดหลุด 1,600 จุด เงินบาทเริ่มอ่อน บลจ.ไทยพาณิชย์ชี้ตลาดผันผวน แนะจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงเน้นหุ้นคุณภาพสูง 4 กลุ่ม ธนาคารกสิกรไทยเผยตลาดทุนโลกเข้าสู่ภาวะกลัวความเสี่ยง หันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย หนุนราคาทองคำเพิ่ม ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลต่างๆ ลดลง

ตลาดหุ้นวันที่ 16 พ.ค. ยังคงปรับตัวลงลึกกว่า 10 จุด ดัชนีลงไปต่ำสุดแถว 1,604 จุด ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,614 ลดลง 6.52 จุด สอดคล้องกับตลาด TIP ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย โดยต่างชาติขายหุ้นไทยมากถึง 1,969 ล้านบาท และเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ P/E15.3 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 15.5 เท่า ดังนั้นแนวทางการจัดพอร์ตจึงควรเน้นกระจายการความเสี่ยง โดยลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพสูง ทนทานต่อความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน

“ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ตลาดหุ้นมีแนวโน้มผันผวนเพิ่มมากขึ้นจากสงครามการค้า ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังคงต้องติดตามความชัดเจนทางการเมือง คาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างช้าสุดไม่เกินต้นเดือนมิถุนายนนี้

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงหนุนจากการประกาศปรับการคำนวณของ MSCI Rebalance ส่งผลให้หุ้นไทยได้ปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าประมาณ 1 แสนล้านบาท

ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ P/E 15.3 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 15.5 เท่า ดังนั้นแนวทางการจัดพอร์ตจึงควรเน้นกระจายการความเสี่ยง โดยลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพสูง ทนทานต่อความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 1) หุ้น Quality Stock ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ทั้งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก EEC การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น

2) หุ้น Growth Stock ที่มีแนวโน้มเติบโตในช่วง 3 – 6 เดือนข้างหน้า และมูลค่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น กลุ่มน้ำมัน กลุ่มการเงิน

3) หุ้น High Dividend Yield เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มปันผลสูง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะมีความผันผวนต่ำ ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง

4) หุ้นที่มีความยั่งยืน หรือหุ้นที่อยู่ในดัชนี THSI (Thailand Sustainability Investment)

ด้านธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นโลกเข้าสู่ภาวะกลัวความเสี่ยง ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ค. 2562 ส่งผลให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลงถ้วนหน้า ทั้งดาวโจนส์ ดัชนี DAX เยอรมนี ดัชนีนิคเคอิ และตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีการขายหุ้นและนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลบต่างๆ อายุ 10 ปี มีผลให้อัตราผลตอบแทนลดลง รวมถึงการลงทุนในทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ค่าเงินบาทแข็งมากที่สุดในภูมิภาคนี้